รวบทันควัน ชายบุกชิงทองน้ำหนัก 4 บาท อ้างหาเงินเป็นค่าสินสอดแต่งภรรยา จ.จันทบุรี

เช้านี้ที่หมอชิต - ชายคนหนึ่งบุกเดี่ยวไปชิงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 4 บาท ในร้านทองที่จังหวัดจันทบุรี แต่หลังก่อเหตุหลบหนีไปได้ผ่านไปไม่ถึงชั่วโมง ถูกตำรวจไล่ล่าตามจับกุมตัวได้ โดยเจ้าตัว อ้างว่า ต้องการหาเงินเป็นค่าสินสอดแต่งภรรยา

นี่เป็นภาพขณะตำรวจภูธรจังหวัดจันทบุรี ร่วมกับตำรวจ สภ.แก่งหางแมว ติดตามไล่สกัดรถกระบะคันหนึ่งที่คนร้ายขับหลบหนีมาตามถนน จากนั้นนำกำลังบุกจู่โจมเข้าปิดล้อมรถเอาไว้ แล้วบอกให้ชายคนขับ ออกมานอกรถ เพื่อมอบตัว โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ท่ามกลางฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก   

ย้อนไปก่อนจะปรากฎภาพนี้เมื่อเวลาประมาณ 11.00 น. เมื่อวานนี้ตำรวจได้รับแจ้งเกิดเหตุ ชายคนร้ายบุกเข้าไปชิงทองในร้านทองอุดมพร ตั้งอยู่บริเวณแยกวังพง หมู่ 1 ตำบลแก่งหางแมว อำเภอแก่งหางแมว โดยหลังได้รับแจ้งตำรวจชุดสืบสวนลงตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในร้านทองที่เกิดเหตุ รวมทั้งสอบสวนข้อมูลจากพนักงานร้านทองที่อยู่ในเหตุการณ์ ยืนยันจำใบหน้าของผู้ก่อเหตุได้ว่า เคยมาดูลาดเลาเมื่อวันก่อน ลักษณะแต่งกายภูมิฐาน กระทั่งเมื่อวานนี้ ชายคนเดิมย้อนกลับมาที่ร้าน โดยทำทีเป็นลูกค้า สอบถามขอดูสร้อยคำทอง โดยระบุว่า ต้องการดูเส้นที่มี น้ำหนัก 2 บาท ทำเป็นขอเลือกดูลายนั้นลายนี้ ก่อนฉวยจังหวะกำสร้อยคอทองคำ 2 เส้น ๆ ละ 2 บาท ไว้ในมือแล้ววิ่งหนีออกจากร้านไปอย่างรวดเร็ว

จากเบาะแสที่ได้ตำรวจชุดสืบสวนนำไปตรวจสอบกล้องวงจรปิด จนไปพบคนร้าย เป็นชายอายุประมาณ 30 ปี ขับรถกระบะ แบบ 4 ประตู ทะเบียนจังหวัดชัยนาท มาจอดไว้ ก่อนเข้าไปลงมือก่อเหตุ เมื่อทราบแบบนี้ตำรวจจึงสั่งปิดการจราจรตามเส้นทางต่าง ๆ ป้องกันคนร้ายหลบหนีออกนอกพื้นที่ พร้อมกับกระจายกำลังปูพรมค้นหาตามจุดต่าง ๆ กระทั่งไปพบรถกระบะต้องสงสัยและตามไปสกัดจับได้ในพื้นที่ อำเภอแก่งหางแมว อยู่ห่างจาก สภ.แก่งหางแมง ประมาณ 3 กิโลเมตร เท่านั้นเอง

เบื้องต้นจากการสอบปากคำ ผู้ก่อเหตุรับสารภาพไม่เคยก่อเหตุแบบนี้มาก่อน แต่อ้างว่า ที่ทำไปเพราะต้องการสร้อยคอทองคำไปขาย เพื่อนำเงินไปเป็นค่าสินสอดแต่งภรรยา ที่เลิกลากันไปแล้ว แต่เพิ่งกลับมาคืนดีกันอีกรอบ ซึ่งงานแต่งจะจัดในวันที่ 20 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้

เมื่อว่าที่สามีต้องมาถูกจับแบบนี้ คนที่น่าสงสารที่สุดก็คือว่าที่ภรรยา เธอเผยความในใจสั้น ๆ ว่า รู้สึกเสียใจมากกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้งานแต่งที่จะจัด ก็ต้องล้มเลิกไป ส่วนผู้ก่อเหตุต้องปล่อยให้ถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย