ไทย - สปป.ลาว จับมือ ล่าแก๊งค้าเสือโคร่งข้ามชาติ

เช้านี้ที่หมอชิต - ประเทศไทย และสปป.ลาว ร่วมมือกันขยายผล ล่าแก๊งค้าเสือโคร่งข้ามชาติ พบเบาะแสสำคัญ มีลูกเสือโคร่งอีก 30 ตัว ที่เตรียมลักลอบขนออกไปขายให้นายทุนต่างชาติ หนักกว่านั้น พบว่ามีการนำลูกเสือโคร่งไปทำเมนู อาหารแปลกอีกด้วย

หลังจากที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ ปทส. จับกุมผู้ต้องหา ชายไทยอายุ 63 ปี ลักลอบนำลูกเสือโคร่ง 4 ตัว มาขายในพื้นที่จังหวัดมุกดาหาร เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พร้อมกับดำเนินคดีข้อหากระทำความผิด พระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ฐานมีไว้ในครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ค้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และนำเข้าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยลักลอบขนย้ายลูกเสือโคร่งข้ามทางช่องพรมแดนธรรมชาติ

ล่าสุดช่วงบ่ายวานนี้ (23 พ.ย.) นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 ร่วมกับ นายสุนทอน เทบปันยา รองหัวหน้ากองคุ้มครองอนุลักป่าฯ และอีกหลายหน่วยงานจากทั้ง 2 ประเทศ ร่วมกันประชุมเพื่อที่จะช่วยกันปราบปราม ขบวนการค้าสัตว์ป่าข้ามชาติทั้ง 2 ประเทศ หลังจากที่หารือกัน จึงทราบว่าเสือโคร่งส่วนหนึ่งข้ามมาจากประเทศไทยในช่องทางธรรมชาติ นำไปพักพิงที่ฝั่งสะหวันนะเขต สปป.ลาว ขณะนี้ได้ส่งหลักฐานต่าง ๆ จากกล้องวงจรปิด และที่พักของขบวนการค้าเสือโคร่ง ให้กับทาง สปป.ลาว ไปหมดแล้ว

ด้านนายสุนทอน เทบปันยา รองหัวหน้ากองคุ้มครองอนุลักป่าฯ แขวงสะหวันนะเขต สปป.ลาว เผยว่า ลูกเสือโคร่งถูกเคลื่อนย้ายมาจากประเทศไทย และมีชาวต่างชาติมารับซื้อ เพื่อนำไปประกอบเป็นอาหาร เป็นยาสมุนไพร กินเป็นยาอายุวัฒนะ นอกจากนี้ ยังได้รับข้อมูลเพิ่มเติมว่า ลูกเสือโคร่งไม่ได้มีแค่ 4 ตัว แต่มีมากกว่า 30 ตัว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สะหวันนะเขต กำลังสืบหาเบาะแส และจะดำเนินการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป