ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ศูนย์จีโนมฯ จับตาโควิด-19 สายพันธุ์ย่อยหลบภูมิคุ้มกัน

ข่าวภาคค่ำ - ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ จับตาการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ย่อย หลังทั่วโลกพบแนวโน้มการระบาดสูงขึ้น เนื่องจากเชื้อโควิด-19 รุ่นใหม่หลบภูมิคุ้มกัน

ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลก ระบุว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ใช้อยู่ทั่วโลก เริ่มมีประสิทธิภาพลดลง ประเมินจากประชากรโลกที่ฉีดวัคซีน และติดเชื้อจากธรรมชาติ กว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ยังพบการระบาดสูงในต่างประเทศ รวมถึงในประเทศไทย จึงเป็นที่ชัดเจนว่า โควิด-19 โอมิครอนสายพันธุ์ย่อยที่อุบัติใหม่ เช่น BA.2.75 , BQ.1.1 และ XBB สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันจากการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น และหลบภูมิคุ้มกันจากการติดเชื้อตามธรรมชาติ

นอกจากนี้ โอมิครอนสายพันธุ์ย่อย ยังดื้อต่อยาแอนติบอดีสร้างภูมิสำเร็จรูปเกือบทุกชนิด จึงประเมินได้ว่า ในปี 2566 เป็นต้นไป ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย จะต้องใช้ยาต้านไวรัสโควิด-19 กันมากขึ้น เนื่องจากเชื้อกลายพันธุ์ ทำให้วัคซีนและยาแอนติบอดีสำเร็จรูปลดประสิทธิภาพลง

ขณะที่ ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ดินแดง เปิดให้บริการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่อง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อ กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งในรอบหลายเดือน 

วันนี้ ประชาชนที่มาฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเปราะบาง ได้แก่ เด็กอายุ 5 ขวบขึ้นไป และกลุ่มเสี่ยง 608 ใช้เวลารอคิว 10-15 นาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ บอกว่า ช่วงนี้มีประชาชนมาใช้บริการมากขึ้นเป็นเท่าตัว เนื่องจากกังวลการระบาดช่วงปลายปี เริ่มมีงานสังสรรค์ จัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ดังนั้น เพื่อความปลอดภัย ลดอาการป่วยหนัก และเสียชีวิต จึงเดินทางมาฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น

ด้านกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า วัคซีนเข็มกระตุ้นยังมีความจำเป็น โดยเฉพาะกลุ่ม 608 หากติดเชื้อแล้ว จะช่วยบรรเทาอาการป่วยหนักและเสียชีวิต ซึ่งการรับวัคซีนเข็มต่อไป ต้องกระตุ้นทุก 4 เดือน และคนไทยต้องได้รับวัคซีนขั้นพื้นฐานอย่างน้อย 4 เข็ม ตามความสมัครใจ

ส่วนในวันพรุ่งนี้ ต้องติดตามตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายใหม่รอบสัปดาห์ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหรือลดลง โดยรายงานสถานการณ์โควิด-19 สัปดาห์ก่อน พบตัวเลขผู้เสียชีวิตมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น

ขอบคุณภาพจาก : Center for Medical Genomics

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark