คู่อริใช้มีดกรีดเบาะ แทงล้อรถ จยย. ของเด็กชายอายุ 14 ปี เพื่อข่มขู่
เช้านี้ที่หมอชิต - เด็กชายอายุ 14 ปี มาเดินเที่ยวงานกระตุ้นเศรษฐกิจในจังหวัดพัทลุง ถูกกลุ่มคู่อริที่เคยมีเรื่องกันที่โรงเรียน ใช้มีดปลายแหลมกรีดเบาะรถ มิหนำซ้ำยังแทงล้อรถแล้วเสียบมีดปักติดไว้กับรถจักรยานยนต์ คาดเป็นการข่มขู่
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บริเวณหน้างานกระตุ้นเศรษฐกิจ "สวัสดี เสกัก @พัทลุง" ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5-14 ธันวาคม โดยเมื่อคืนที่ผ่านมาก็เป็นคืนสุดท้ายของการจัดงาน ตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง พร้อมด้วยชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบบริเวณดังกล่าว หลังได้รับแจ้งจากผู้เสียหายว่าถูกคู่อริข่มขู่ โดยการใช้มีดกรีดเบาะรถ และเจาะยางล้อรถจักรยานยนต์ ในที่เกิดเป็นจุดจอดรถริมถนนด้านหน้างาน เจ้าหน้าที่พบรถจักรยานยนต์ไม่ติดหมายเลขทะเบียน บริเวณเบาะมีร่องรอยถูกกรีด ล้อรถถูกใช้มีดปลายแหลมเจาะ พร้อมปักมีดไว้ที่ล้อ ลักษณะการข่มขู่
เด็กชาย 14 ปี ผู้เสียหาย บอกว่า ขณะที่ตนเองเดินเที่ยวงานกับพี่สาวสองคน จู่ ๆ ได้ไปเจอกับคู่อริที่เคยมีปัญหาขัดแย้งกันภายในโรงเรียน สาเหตุมาจากเรื่องผู้หญิง โดยฝ่ายคู่อริได้เดินเข้ามาหาและพูดจาหาเรื่อง จนเกือบได้ชกต่อยกัน แต่พี่สาวห้ามไว้ จึงไม่เกิดเรื่อง จังหวะเดียวกันมีกลุ่มวัยรุ่นอีกกลุ่มหนึ่ง มีปัญหาชกต่อยกัน จนเกิดชุลมุนวุ่นวายขึ้น ทำให้ตนเองและพี่สาว รวมทั้งคู่อริต่างเร่งออกจากงาน แต่ระหว่างนั้นคู่อริได้ทำโทรศัพท์ตก ตนเองจึงเก็บไว้ และเมื่อเดินกลับมาที่รถก็เห็นรถของตัวเองล้มอยู่และบริเวณตรงล้อรถ ทั้งหน้าและหลัง ถูกมีดกรีดจนยางรั่ว และมีมีดปลายแหลม ขนาดความยาวเกือบ 1 ไม้บรรทัด เสียบปักติดอยู่กับตัวรถจักรยานยนต์
เมื่อเปิดดูโทรศัพท์ของคู่อริที่ตกอยู่ ปรากฏข้อความในบทสนทนาทางแชท พบว่าเจ้าของโทรศัพท์เป็นคนลงมือทำรถของตนเองเพื่อเป็นการข่มขู่ สุดท้ายตนเองจึงตัดสินใจโทรศัพท์หาพ่อ พร้อมได้แจ้งตำรวจไว้เป็นหลักฐาน
ชายอายุ 58 ปี พ่อของเด็กชายอายุ 14 ปี บอกว่า ที่ผ่านมา ลูกชายเคยเล่าให้ฟังว่ามีปัญหากับกลุ่มเพื่อนรุ่นเดียวกันที่โรงเรียน แต่ก็ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงขั้นนี้ ทั้งลูกชายยังโดนเพื่อนรุมกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง บางครั้งรุมกันเข็กหัวก็มี เมื่อไปแจ้งคุณครูแต่ก็ยังไม่ได้รับความสนใจและแก้ไข ทางโรงเรียนปล่อยเฉย ให้เรื่องผ่านและเงียบไปเอง จนมาเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้น เบื้องต้นได้นำลูกชายและลูกสาวไปให้ปากคำเพิ่มเติมที่สถานีตำรวจ สภ.เมืองพัทลุง ก่อนจะสืบหาผู้กระทำความผิดมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
