ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

พริตตีสาวตามคืบหน้าคดี ถูกนายจ้างมอมยาข่มขืน

เช้านี้ที่หมอชิต - พริตตีสาว อายุ 23 ปี นำหลักฐานคลิปเสียงการสนทนากับหญิงรุ่นน้อง ไปให้ตำรวจใช้ประกอบการแจ้งข้อหาเพิ่มเติม หลังต้องสงสัยว่าอาจทำตัวเป็นนกต่อ ช่วยเหลือให้เพื่อนร่วมงานชาย พาตัวไปขืนใจในโรงแรม

พริตตีสาว อายุ 23 ปี เข้าร้องขอความช่วยเหลือทางคดีกับ ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม เนื่องจากตกเป็นผู้เสียหายถูกฉวยโอกาส หลังไปกินเลี้ยงสังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนร่วมงาน แล้วเกิดอาการมึนเมา ไร้เรี่ยวแรง คล้ายถูกวางยา จากนั้นก็มีเพื่อนรุ่นน้องผู้หญิง ช่วยพาตัวไปขึ้นรถจักรยานยนต์ของเพื่อนร่วมงานชายคนหนึ่งเข้าไปในโรงแรม ในซอยลาดพร้าว 130 ถูกลวนลามและกำลังจะถูกข่มขืน แต่เคราะห์ดีตั้งสติได้ทันเอาตัวรอดออกมาได้ แต่ต่อมาหลังนำเรื่องนี้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสอบสวน สน.ลาดพร้าว ไว้เมื่อปลายเดือนกันยายน แต่คดีกลับไม่มีความคืบหน้า

เมื่อวานนี้ พริตตีสาว และ ทนายรณณรงค์ จึงพากันไปพบพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว เพื่อสอบถามความคืบหน้าทางคดีอีกครั้ง พร้อมกับนำหลักฐานคลิปเสียงบันทึกการสนทนา ที่มีเสียงของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่เชื่อว่าเป็น "นกต่อ" ไปมอบให้พิจารณาดำเนินคดี ฐานเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือ พาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชาย หรือ หญิง รวมถึงสนับสนุนให้กระทำผิดด้วย

ผู้เสียหาย ยืนยันว่า เหตุการณ์วันนั้นหลังจากที่ได้นอนไปงีบหนึ่ง ก็มีสติ 100% รู้ตัวดีว่ากำลังจะถูกล่วงละเมิดทางเพศ จึงพยายามขัดขืนต่อสู้ และเชื่อว่าเป็นเหตุที่ทำให้ทรัพย์สินเสียหาย ส่วนตัวรุ่นน้องที่ต้องสงสัยว่าเป็นนกต่อ แม้จะยังไม่ชัดเจนว่ามีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยหรือไม่ แต่จะขอแจ้งความเอาไว้ก่อน หากพิสูจน์ตัวได้ว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง จึงจะขอตำรวจกันตัวไว้เป็นพยาน

ขณะที่ ทนายรณณรงค์ เปิดเผยว่า หลังผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความกับตำรวจ ตั้งแต่ 30 กันยายนที่ผ่านมา ก็ได้เดินทางไปตรวจร่างกาย และเจาะเลือด ที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อดูว่ามีการวางยาใส่ในเครื่องดื่มให้กับผู้เสียหายหรือไม่ เพราะระหว่างรอการดำเนินคดี ผู้เสียหายได้ทดลองดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบบเดียวกับที่ดื่มในงานเลี้ยงสังสรรค์ และดื่มในปริมาณที่มากกว่า ทดลองแบบนี้อยู่หลายครั้ง กลับไม่พบว่ามีอาการมึนเมา หรือ ไร้เรี่ยวแรง เหมือนกับครั้งนั้น จึงเกิดความคลางแคลงใจว่าอาจถูกวางยา ส่วนผลการตรวจภายในร่างกาย

เบื้องต้นไม่พบคราบอสุจิ จึงเหลือเพียงผลการตรวจหาสารเคมีในร่างกายเพียงอย่างเดียว หากพบว่ามีการวางยาจริง ก็จะขอให้ตำรวจแจ้งข้อหาเพิ่มเติม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark