คอลัมน์หมายเลข 7 : ครูวิทยาลัย ร้องตรวจสอบผู้บริหารสถานศึกษา จ.เพชรบุรี ทุจริต ?

ข่าวภาคค่ำ - ครูวิทยาลัยแห่งหนึ่งร้องเรียน ถูกผู้บังคับบัญชากลั่นแกล้ง แจ้งความลักทรัพย์ หลังนำ CD สื่อการเรียนการสอน ใช้แสดงเป็นหลักฐาน ยื่นร้องเรียนองค์กรต่าง ๆ ให้ตรวจสอบพฤติกรรมการทุจริต ติดตามเรื่องนี้ในคอลัมน์หมายเลข 7

เสียงกล่าวอ้างพฤติกรรมผู้บริหารที่ไม่โปร่งใส และส่อไปในทางทุจริตประพฤติมิชอบ หลากหลายรูปแบบ ถูกสะท้อนผ่านครูวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดเพชรบุรี หวังให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาติดตามขยายผลตรวจสอบความผิดปกติต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา ในห้วงเวลา 4 ปี ที่ผ่านมา

การกล่าวอ้างถึงพฤติกรรมการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา พาดพิงตั้งแต่ผู้อำนวยการ รองผู้อำนวยการ ข้าราชการครู และบุคลากร ร่วมมือกันแบบเป็นขบวนการ

เช่น การทุจริตยักยอกเงินค่าอุดหนุนค่าอุปกรณ์การเรียน และค่าเครื่องแต่งกายของนักเรียนระดับ ปวช.ทั้งในระบบ และนอกระบบ โครงการ อศ.กช. โดยไม่จ่ายนักเรียนจริง ตามแนวทางการดำเนินงาน แต่กลับนำมาเก็บไว้ในบัญชี ที่ไม่ใช่บัญชีทางการของสถานศึกษา

ทำให้ในปีการศึกษา 2564 นักเรียน ปวช. ชั้นปีที่ 2 และ 3 ไม่ได้รับเงินอุดหนุน ค่าเครื่องแต่งกายปีละ 900 บาท เพราะถูกนำไปหักเป็นเงินเรียกเก็บเพิ่มจากนักเรียนในส่วนของค่าประกันอุบัติเหตุ ค่ากองทุนสุขภาพ ค่าตรวจสุขภาพ ค่าประกันของเสียหาย และค่าบำรุงองค์การ

นอกจากนี้ยังมีเรื่องการทุจริตเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายในการไปราชการโดยมิชอบ เช่น การอนุญาตให้ครูอัตราจ้าง และพนักงานราชการไปราชการด้วย และเบิกจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าเดินทาง ค่าที่พัก โดยไม่มีความจำเป็นหรือประโยชน์ต่อราชการ การเบิกจ่ายค่าตอบแทนการปฏิบัติงานในวันหยุดและนอกเวลาราชการ ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ทำงานจริง การทำสัญญาจ้างครูอัตราจ้างโดยไม่มีการประกาศรับสมัครไม่มีการสอบคัดเลือก การปฏิบัติงานโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน

รวมไปถึงการจัดซื้อสื่อการเรียนการสอน CD ในราคาที่สูงเกินจริง ไม่ตรงกับหลักสูตรปัจจุบัน ทำให้ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้

ความพยายามเปิดโปงปัญหาที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา ทำให้เวลานี้ ครูคนดังกล่าว ถูกแจ้งความเอาผิด ซึ่งเขาเชื่อว่า เป็นการกลั่นแกล้ง เพื่อบีบให้หยุดดำเนินการการร้องเรียนตรวจสอบการทุจริต

ขณะที่ผู้บริหารที่ถูกกล่าวหา อธิบายผ่านคอลัมน์หมายเลข 7 ยืนยันว่า ที่ผ่านมา ได้บริหารงานด้วยความโปร่งใส สุจริต แต่ไม่สะดวกจะให้สัมภาษณ์ ขอชี้แจงผ่านกระบวนการตรวจสอบของหน่วยงานหรือองค์กรอิสระเท่านั้น และปัจจุบัน ได้ย้ายออกจากสถานศึกษาดังกล่าว ไปนั่งบริหารที่วิทยาลัยอื่นในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์แล้ว

แม้ปัญหาการทุจริตในสถานศึกษา ตามข้อร้องเรียน จะยังไม่มีรายงานความคืบหน้า หรือบทสรุปข้อเท็จจริง เนื่องจากอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่หากพิจารณาการตรวจสอบการทุจริตในแวดวงการศึกษา น่าสนใจว่า หลายครั้งที่มีการร้องเรียน ระบบการตรวจสอบกลับเข้าไม่ถึง และเป็นไปด้วยความล่าช้า จนเกินจะเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น