ผบช.น. เรียกตำรวจ สน.หลักสอง ชี้แจงเหตุยิงบนโรงพัก

เจาะประเด็นข่าว 7HD - ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกผู้กำกับการ สน.หลักสอง ชี้แจงเหตุยิงบนโรงพัก เพื่อหามาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย กรณีคู่กรณี 2 ฝ่าย ไปตกลงไกล่เกลี่ยคดีความกันบนโรงพักและเกิดอารมณ์ชั่ววูบก่อเหตุ 

จากกรณีที่มีผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนยิงคู่กรณีบน สน.หลักสอง จนเสียชีวิต ก่อนที่ตำรวจจะไปติดตามจับกุมตัวผู้ก่อเหตุมาได้ และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการดูแลไม่ให้เกิดความรุนแรงขึ้นบนสถานีตำรวจ อีกทั้งยังมีการตั้งข้อสังเกตจากญาติผู้เสียชีวิตว่าเรื่องดังกล่าวเป็นลักษณะของการไตร่ตรองวางแผนมาก่อเหตุกับผู้เสียชีวิต ไม่ได้เป็นเหตุซึ่งหน้าตามที่ผู้ต้องหากล่าวอ้าง

เรื่องนี้ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า วันนี้ได้เรียกผู้กำกับการ สน.หลักสอง มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทราบว่า ระหว่างการสอบปากคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เฝ้าสังเกตลักษณะอาการของคู่กรณีทั้ง 2 ฝ่ายอยู่ตลอดเวลา และสังเกตได้ว่า เริ่มมีอารมณ์รุนแรงมากขึ้นด้วยกันทั้ง 2 ฝ่ายและพยายามเข้าไปห้ามปราม แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าผู้ก่อเหตุจะนำอาวุธปืนมาด้วย และลงมือก่อเหตุดังกล่าว

ซึ่งหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและฝ่ายปราบปรามได้ไล่ติดตามผู้ก่อเหตุ ไม่ได้เป็นการปล่อยให้ผู้ต้องหาหลบหนีไป แต่ในขณะนั้นผู้ต้องหามีอาวุธปืนจึงต้องพิจารณาในการดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะอาจมีประชาชนที่เข้ามาใช้บริการบนสถานีตำรวจอาจเสี่ยงได้รับบาดเจ็บได้

ทั้งนี้ได้สั่งการให้กองบังคับการตำรวจนครบาล 9 และผู้กำกับการ สน.หลักสอง ไปพิจารณาหาแนวทางการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุในลักษณะดังกล่าวขึ้นอีก และเตรียมใช้เรื่องดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาให้กับพนักงานสอบสวน ซึ่งจะต้องให้คู่กรณี 2 ฝ่ายมาเจรจาไกล่เกลี่ยกัน อาจต้องมีการตรวจค้นป้องกันการพกพาอาวุธมาทำร้ายกันบนสถานีตำรวจ

ส่วนความคืบหน้าของคดี พันตำรวจ เอก ธีรชัย เด็ดขาด รองผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 เปิดเผยว่า กรณีที่ภรรยาของผู้เสียชีวิต ตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ก่อเหตุมีการตระเตรียมอาวุธมาเพื่อใช้ลงมือกับผู้เสียชีวิต อีกครั้งภรรยาของผู้เสียชีวิตซึ่งมาร่วมไกล่เกลี่ยด้วย มีการใส่อุปกรณ์ป้องกันเสียงที่หู หรือ เอียปลั๊ก ลักษณะเหมือนเป็นการร่วมมือกันมาก่อเหตุ เรื่องนี้ได้มีการสั่งการให้สอบปากคำพยานแวดล้อม และภรรยาของผู้ก่อเหตุเพิ่มในกรณีดังกล่าวแล้ว โดยพบว่าเป็นเพียงหูฟังบลูทูธ ไม่ใช่เอียปลั๊ก

และยังไม่ได้แจ้งข้อหากับภรรยา กันไว้เป็นเพียงพยาน แต่หากมีพยานหลักฐานว่า ภรรยาของผู้ก่อเหตุ มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือ รู้ล่วงหน้าก่อนว่าสามีจะใช้อาวุธปืนมาก่อเหตุ หรือ ให้การสนับสนุน ก็จะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง