หนุ่มเล้งแซ่บ ตามล่าหารองเท้าคู่ใจ จ.พังงา
ข่าวภูมิภาค 21 ธันวาคม 2565 - เช้าข่าว 7 สี - เจ้าของร้านเล้งแซ่บ ที่จังหวัดพังงา สุดแค้นถูกวัยรุ่นบุกไปขโมยรองเท้าคู่ใจถึงหน้าบ้าน จึงย้อนดูวงจรปิดที่แท้ไม่ใช่ใครที่ไหน กลายเป็นลูกจ้างร้านส่งซี่โครง กระดูกหมู จึงแจ้งความจับ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อน บอกเพียงแค่ต้องการให้กลับใจเป็นคนเท่านั้น
ตามภาพที่กล้องวงจรปิดบันทึกไว้ได้ จะเห็นว่าหัวขโมยรายนี้เดินหิิ้วถุงใส่เนื้อหมู ซี่โครงหมู และกระดูกหมู เข้าไปส่งที่บ้านของนายศุภโชค จบฤทธิ์ หรือ โจ้ เล้งแซ่บ อายุ 35 ปี ซึ่งอยู่ในตำบลถ้ำน้ำผุด อำเภอเมืองพังงา จากนั้นได้นำไปเก็บไว้ในตู้แช่เย็นที่วางอยู่บริเวณหน้าบ้าน เมื่อเสร็จแล้วก็ใช้สายตาสอดส่องไปมารอบ ๆ หน้าบ้าน คาดว่าเพื่อหาสิ่งของมีค่า แล้วหยิบรองเท้า 1 คู่มาวางที่พื้น ก่อนจะถอดรองเท้าแตะที่ใส่มาซ่อนไว้ในเสื้อ แล้วใส่รองเท้าเจ้าของบ้านเดินออกไปอย่างใจเย็น และขึ้นรถห้องเย็นออกไปทันที
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเวลาประมาณ 04.00 น. วันที่16 ธันวาคม ที่ผ่านมา ซึ่ง นายศุภโชค บอกว่า รองเท้าที่ถูกขโมยไปเป็นรองเท้าผ้าใบสีขาวแถบเขียว ยี่ห้อโอนิซึกะ ซึ่งซื้อมาราคากว่า 1,000 บาท และใส่ทำงานขายเล้งแซ่บ ที่บริเวณถนนใหม่ ตำบลท้ายช้าง อำเภอเมืองพังงา ทุกวันนานประมาณ 2 ปีแล้ว จนกลายเป็นรองเท้าคู่ใจ และเหมือนจะเป็นรองเท้านำโชคด้วย เพราะลูกค้ามาอุดหนุนกันตลอด
หลังรู้ว่ารองเท้าคู่โปรดหายไป "โจ้ เล้งแซ่บ" ก็คิดว่าน่าจะเป็นสุนัขมาคาบไป แต่มาเอะใจเพราะหายไปทั้งคู่ ไม่น่าจะใช่สุนัขแล้ว จึงให้แฟนสาวเช็กภาพจากกล้องวงจรปิด จึงถึงบางอ้อ เพราะเห็นโฉมหน้าคนที่ขโมยชัดเจน และไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นลูกจ้างร้านส่งกระดูกหมูที่เข้ามาในบ้านเป็นประจำนั่นเอง ซึ่งเป็นชายไทย อายุ 23 ปี จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่ สภ.เมืองพังงา เพื่อให้มามอบ
เมื่อวาน (20 ธ.ค.) ชายอายุ 23 ปี ที่เป็นคนโมยก็ไปพบกับพนักงานสอบสวน สภ.เมืองพังงา พร้อมทั้งนำรองเท้าไปคืนให้กับ "โจ้ เล้งแซ่บ" ด้วย และบอกว่าอยากใส่รองเท้าเท่ห์ ๆ แต่ไม่มีเงินซื้อ เมื่อเห็นรองเท้าของ "โจ้ เล้งแซ่บ" ถอดวางไว้หน้าบ้านใกล้กับที่ส่งเนื้อหมูจึงหยิบใส่ไป และงสำนึกผิด ขอโทษ แอีกทั้งให้คำมั่นสัญญาว่าจะไม่ทำอีก
ขณะที่ "โจ้ เล้งแซ่บ" ก็ไม่ได้ติดใจ และได้ถอนแจ้งความ พร้อมทั้งยกรองเท้าคู่นี้ที่ตนเองรักให้กับชายอายุ 23 ปี ด้วย และตำรวจได้ปล่อยตัวไป แต่ได้ตักเตือนให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เจ้าของเขียงหมูก็ให้โอกาสกลับตัวกลับใจอีกครั้ง และจะรับทำงานต่อ แต่ขอให้เลิกนิสัยลักเล็กขโมยน้อย
