ข่าวในหมวด ประเด็นเด็ด 7 สี

ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ : เศรษฐกิจไทยปีหน้ายังเผชิญความเสี่ยงซ้ำซ้อน

ประเด็นเด็ด 7 สี - ว่ากันด้วยเรื่องเศรษฐกิจไทย "ปีนี้เผาหลอก ปีหน้าเผาจริง" คำนี้เราได้ยินกันมาอยู่ตลอด ประมวลภาพรวม เรา ๆ ก็ทนพิษเศรษฐกิจกันมาทั้งปี ล่าสุดภาคการเงิน ออกมาวิเคราะห์ ปีหน้าเศรษฐกิจไทยยังเผชิญวิกฤตไม่จบสิ้น ติดตามในประเด็นเด็ดเศรษฐกิจวันนี้

เมื่อเหล่าบรรดานักวิเคราะห์ เศรษฐกิจ ซึ่งเสมือนเข็มทิศทางเศรษฐกิจ ออกมาประเมินว่า ปี 2566 เศรษฐกิจไทย ยังคงต้องเจอกับความเสี่ยง อีก 6 ด้าน เรียกได้ว่าเป็นมรสุมทางเศรษฐกิจรอเราอยู่ข้างหน้า มีอะไรบ้างไปไล่เรียงกัน เพื่อเตรียมแผนรับมือ

ความเสี่ยงที่ว่า ประกอบไปด้วย ปัญหาการรุกรานของรัสเซียในยูเครนที่ยืดเยื้อ จนกระทบห่วงโซ่อุปทานด้านอาหารสัตว์ ปุ๋ย รวมทั้งสินค้าโภคภัณฑ์อื่น ๆ, ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟดยังขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่องหวังสกัดเงินเฟ้อ และการที่จีนยังคงล็อกดาวน์ในหลายพื้นที่และดูแนวโน้มจะยืดเยื้อ รวมทั้งต้องติดตามภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนที่กำลังจะมีปัญหา และคาดเดากันว่าอาจเกิดภาวะฟองสบู่แตก ผลกระทบที่กำลังตามมา คือปัญหาขาดแคลนชิ้นส่วนวัตถุดิบจากจีน ขณะที่ยังมีวิกฤตหนี้สาธารณะในยุโรป และต้องจับตาวิกฤตตลาดเกิดใหม่ เพราะหลายประเทศกำลังเจอความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้ ขณะที่รายได้จากการส่งออกและการท่องเที่ยวก็หดหาย ปัญหานี้อาจขยายวงกว้างได้อีกครั้ง ลืมไม่ได้คือสถานการณ์โควิด-19 ทั้งหมดนี้ทำให้ นักเศรษฐศาสตร์ ธนาคาร CIMB คาดว่า เศรษฐกิจไทยปีหน้าจะขยายตัวได้ 3.4% และพบว่าประชาชนยังคงระมัดระวังการใช้จ่าย

ด้านธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย หรือ เอดีบี ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในเอเชีย ซึ่งรวมถึงจีน ไทย และฟิลิปปินส์ ทั้งในปีนี้และปีหน้า โดยระบุว่าเศรษฐกิจของประเทศกลุ่มนี้จะยังคงได้รับผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ในส่วนของประเทศไทยนั้น คาดว่าเศรษฐกิจปีหน้าจะขยายตัวลดเหลือ 4% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 4.2%

ด้าน ศูนย์วิจัยกรุงไทย มองการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย โดยพุ่งเป้าไปที่ จีน ซึ่งมีแนวโน้มจะเปิดประเทศในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า แต่ก็ยังต้องติดตามสถานการณ์ และยังคงมีมุมมองที่ระมัดระวังต่อสถานการณ์การเปิดประเทศของจีน โดยเฉพาะจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ ประเมินว่า เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.2%

เรียกได้ว่า เป็นปีที่หินอยู่เหมือนกัน เพราะภาคธุรกิจจะยังคงได้รับแรงกดดันต้นทุนจากค่าไฟ ค่าแรง และราคาวัตถุดิบ ผู้บริโภค ก็คงต้องเผชิญกับภาวะราคาสินค้า และปัญหาค่าครองชีพกันต่อไป ยังไงแนะนำคุณผู้ชม ต้องตั้งรับกันให้ดีในปีหน้า

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark