ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ผบช.น.ชี้แจงคดีนายตู้ห่าว

เช้านี้ที่หมอชิต - หลังถูก นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ไล่ถล่มจนถึงขั้นร้องกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติให้ย้ายผู้บัญชาการตำรวจนครบาลออกจากตำแหน่งตั้งแต่สัปดาห์แล้วจนถึงสัปดาห์นี้ ล่าสุด พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็ออกมาแถลงชี้แจงเกี่ยวกับคดีนายตู้ห่าว แล้ว  

โดย พลตำรวจโทธิติ ระบุว่า ที่ออกมาแถลงข่าวครั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเข้าใจกับประชาชน ถึงการปฏิบัติงานของตำรวจ โดยยืนยันตั้งแต่เริ่มต้นทำคดี จนนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ส่วนที่ถูก นายชูวิทย์ ระบุว่าตำรวจประวิงเวลาไม่เข้าตรวจค้นอาคารวิปวัปคาร์วอช นานถึง 2 เดือน และเพิ่งเข้าไปตรวจค้นหาหลักฐาน เรื่องนี้กองบัญชาการตำรวจนครบาลได้มีหนังสือคำสั่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปตรวจค้นตั้งแต่วันแรก และวันที่ 4 ธันวาคม ก็มีหนังสือเร่งรัดให้ดำเนินการตรวจสอบ แต่ไม่สามารถตรวจรถได้ทุกคัน เพราะไม่มีรหัสเปิดประตูรถ ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น ระหว่างนั้นได้ทำหนังสือไปยังกรมการขนส่งทางบก และกรมศุลการกร เพื่อตรวจสอบหาเจ้าของรถยนต์ การนำเข้ารถต่างประเทศ เพื่อให้เจ้าของรถเข้ามารายงานตัว จากนั้นก็มีคำสั่งจากเลขาธิการ ป.ป.ส. ให้ยึดอายัติทรัพย์สินของกลางทั้งหมดไว้ชั่วคราว พนักงานสอบสวนจึงไม่สามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวได้ เพราะมีระเบียบที่ต้องปฎิบัติ

ยืนยันว่า พยานหลักฐานที่มีอยู่ขณะนี้สามารถดำเนินคดีผู้ทำผิดได้อย่างแน่นอน จากนี้ขอให้ติดตามผลการสั่งคดีของอัยการสูงสุดในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน

ขณะที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้เข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับอัยการสูงสุด โดยย้ำว่า พลตำรวจโทธิติ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวนคดีผับจินหลิง มีส่วนทำให้คดีเสียหาย ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มีการทิ้งของกลางไว้ในที่เกิดเหตุเป็นระยะเวลาถึง 2 เดือน โดยไม่ตรวจสอบ รวมทั้งข้อผิดพลาดอื่น ๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับคดี มีพฤติการณ์ไม่น่าไว้วางใจ ทำให้เสียหายต่อรูปคดี เป็นการเอื้อประโยชน์ต่อผู้ต้องหา หากยังคงปล่อยให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป จะก่อให้เกิดความเสียหาย จึงเรียกร้องให้ นายกรัฐมนตรี ผู้บัญชาการตำรวจแแห่งชาติ พิจารณาโยกย้ายอย่างเร่งด่วน

ส่วนความคืบหน้าคดี จับกุม นายเชา นายทุนจีน คนนี้เป็นคนละกลุ่มกับนายตู้ห่าว ที่สวมบัตรประชาชนคนไทยและใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินีจัดตั้งบริษัท หลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองบุกเข้าจับกุมตัวได้ที่สมาคมพ่อค้าไทย ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

พลตำรวจเอก รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปผลการขยายผลว่า นายเชา ประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต และใช้ชื่อคนไทยเป็นเจ้าของกิจการและถือหุ้นแทน 3 บริษัท มีทุนจดทะเบียนรวมมากกว่า 10 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเข้าตรวจค้นบริษัททั้ง 3 แห่ง และสถานที่ที่เกี่ยวข้องอีก 2 แห่ง ไม่พบว่ามีการทำธุรกิจ และพบว่าคนที่นำเงินมาลงทุนคือคนขับรถของนายเชา พร้อมกับยึดทรัพย์ที่ให้คนไทยถือครองแทนกว่า 200 ล้านบาท และออกหมายจับชาวไทยที่เป็นนอมินีอีก 3 คน 

ทั้งนี้ยังไม่พบความเชื่อมโยงกับขบวนการของนายตู้ห่าว และยังไม่พบว่าบริษัทนอมินีของนายเชาทั้ง 3 แห่ง เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินหรืออาชญากรรมข้ามชาติ โดยอยู่ระหว่างการขยายผลสืบสวนเพิ่มเติม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark