คอลัมน์หมายเลข 7 : นับถอยหลัง 5 ปี คดีรถหรู ทวงคืนภาษีหมื่นล้านจากขบวนการขี้ฉ้อ

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 ตามต่อความคืบหน้าคดีรถหรู เดิมรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมขีดเส้นสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว เกินกรอบระยะเวลามาแล้ว 4 เดือน การทวงภาษีหมื่นล้านกลับคืนแผ่นดินไปถึงไหน คุณรัตนกรณ์ โต๊ะหมัด ไปหาคำตอบมาให้แล้ว

นับถอยหลังอีก 5 ปี คดีรถหรูจะหมดอายุความ เท่ากับว่าดีเอสไอต้องเร่งฝีเท้าสรุปสำนวน ส่งให้อัยการพิจารณาส่งศาลสั่งฟ้อง ทวงคืนภาษีหมื่นล้านกลับคืนแผ่นดิน เดิม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ขีดเส้นตายให้สรุปสำนวนภายสิ้นเดือนสิงหาคม แต่กรอบระยะเวลาต้องขยายไป เมื่อดีเอสไอนำโดย พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีดีเอสไอ พบหลักฐานเชื่อมโยงจากผู้นำเข้าไปสู่โชว์รูมรถหรู มีการลักลอบนำเข้าแบบนอมินี จึงขยับเวลาสรุปสำนวนให้แล้วเสร็จก่อน 31 มีนาคมปีหน้า คือนับจากนี้ไป 3 เดือน เพื่อลากตัวคนขี้ฉ้อมาดำเนินคดีตามกฎหมาย

ความคืบหน้ารถหรู 1,020 คัน 114 คดี ในมือ พ.ต.ท.พเยาว์ ล่าสุดสามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้แล้วเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์

นอกเหนือจาก 114 คดี ดีเอสไอ พบบริษัทโชว์รูมเข้าข่ายนอมินี จำนวน 4 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทระดับยักษ์ใหญ่แล้ว อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ยังมอบหมายลัมโบกินีเจ้าปัญหาอีก 110 คัน รวมมูลค่าภาษีอากรขาด 1,835 ล้าน ที่เคยอยู่ในมือกองปฏิบัติการคดีพิเศษภาค ให้ พ.ต.ท.พเยาว์ เร่งสางคดีด้วย

ขณะประเด็นเจ้าหน้าที่รัฐ 36 คน ที่คาดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องการปล่อยรถหรูหนีภาษี ล่าสุดดีเอสไอได้แทงเรื่องให้ ป.ป.ช. เดินเครื่องตรวจสอบแล้ว

นอกจากต้องลากตัวคนผิดมาลงโทษ ดำเนินคดีอย่างรวดเร็วแล้ว อีกภารกิจสำคัญคือ ดีเอสไอเองก็ต้องพิสูจน์ให้ชัดว่า ทำงานไม่มีนอก มีใน ไร้ผลประโยชน์ เพราะจนถึงขณะนี้ ยังมีระดับผู้บริหารดีเอสไอ ทั้งที่เกษียณไปแล้ว และยังอยู่ในราชการ ตกอยู่ในบ่วงสีเทา ถูก ป.ป.ช. ตรวจสอบ ฐานร่ำรวยผิดปกติ เอื้อประโยชน์เอกชนในการทำคดี จึงต้องเร่งฟื้นศรัทธากลับคืนมาด้วย ส่วนคดีแพ่งที่อยู่ในมือกรมศุลกากรขณะนี้ยังไร้ความคืบหน้า ปีหน้าต้องตามต่อ