ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

แฉ อดีตหัวหน้าอุทยานฯ เรียกรับเงิน จ.เชียงใหม่

ข่าวอาชญากรรม 9 มกราคม 2566 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - คุณผู้ชมยังจำกันได้ใช่ไหมกับกรณีอื้อฉาวข้ามปี มีการบุกจับอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งตอนนี้ก็ถูกตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงไปแล้ว และอยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจเพื่อดำเนินคดีอาญา ล่าสุดทีมข่าวของเราได้รับการเปิดเผยถึง ปมทุจริตในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จังหวัดเชียงใหม่  เรียกว่า เจ้าหน้าที่ เขาไม่ทน ไม่เพิกเฉยต่อปัญหาทุจริตแล้ว เปิดหน้าชนกันเลย

ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อไปพบกับแหล่งข่าว คือ นายสมบูรณ์ สมรักษ์ หัวหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ที่ 2 (ปางแฟน) เปิดหน้าให้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตภายในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ซึ่งเกิดในสมัยที่มี นาย อ. (อักษรย่อ) เป็นหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ โดยพฤติการณ์ของนาย อ. มีการทุจริตคอรัปชัน ในหลายรูปแบบ พร้อมกับนำคลิปวิดีโอ ขณะแปรรูปไม้มาเป็หลักฐาน

โดย นายสมบูรณ์ เปิดเผยว่า ในปี 2558 นาย อ. ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ ฉีดยาฆ่าหญ้า รอบต้นไม้อยู่ในเขตอุทยานฯ เพื่อให้ต้นไม้ยืนต้นตาย จากนั้นโค่นไม้ แล้วนำมาแปรรูปขาย โดยอ้างว่าไม้ยืนต้นตายในป่า จึงต้องโค่นทิ้ง โดยกระบวนการทั้งหมดใช้เจ้าหน้าที่อุทยานฯ เป็นคนทำ โยงใยไปถึงการนำไม้แปรรูปไปขาย หรือส่งให้กับผู้ใหญ่ในบ้านเมือง รวมถึงขายให้กับนายทหารชั้นผู้ใหญ่ แต่ข้อมูลที่ขาดตอนไป คือ ไม่ทราบว่าขายแล้วเงินเข้าใคร เข้าหลวงหรือไม่ เพราะการแปรรูปใช้อุปกรณ์ของอุทยานฯ รวมถึงการขนส่งก็ใช้รถยนต์ของอุทยานฯ

สาเหตุที่ต้องออกมาเปิดข้อมูลต่อสื่อมวลชน ก็เพราะว่าเคยร้องเรียนไปยังผู้บังคับบัญชาตั้งแต่ปี 2563 แต่เรื่องเงียบ และนายออ ได้ย้ายไปรับราชการในพื้นที่อื่น ส่วนตนเองถูกกลั่นแกล้งอย่างต่อเนื่อง ทั้งเงินเดือนไม่ขึ้น และถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรม จึงอยากจะออกมาฟ้องต่อสังคม เพื่อขอความเป็นธรรม

ทีมข่าวของเรายังได้ข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริตค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรของอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ จาก นางเอ (นามสมมุติ) ได้นำหลักฐานเป็นสเตทเมนต์ ว่า นาย อ. ได้ว่าจ้างตนเองในตำแหน่งแม่บ้านประจำอุทยานฯ ให้ทำงานทั่วไป โดยได้รับเงินเดือน เดือนละ 6,000 บาท แต่ นาย อ. จะให้ นางเอ ไปกดเงินจากเอทีเอ็ม มาจำนวน 32,000 บาท แล้วให้หักเก็บไว้ 6,000 บาท เป็นเงินเดือน ส่วนอีก 26,000 บาท นำมามอบให้ นาย อ. พูดง่าย ๆ ก็คือเบิกเกิน กินส่วนต่าง จึงมีการร้องเรียนกับทาง ป.ป.ช. จนพบว่า ตนเองไม่ได้ถูกว่าจ้างในตำแหน่งแม่บ้าน แต่มีตำแหน่งเป็นถึงระดับนักวิชาการ ทั้งที่จบแค่ ป.6 และไม่เคยรู้ว่าเงินส่วนต่าง 26,000 บาท ที่ทางอดีตหัวหน้าอุทยานฯ คนดังกล่าวรับไป นำไปใช้อะไร จึงอยากจะขอความเป็นธรรม พร้อมยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการทุจริต

ขณะที่ นายสันติ (นามสมมุติ) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า ยังมีอีกเรื่องที่ นาย อ. กระทำการทุจริต คือตั้งเบิกเงินเบี้ยเลี้ยงล่วงเวลา ในโครงการ "การลาดตระเวนเชิงคุณภาพหรือ smart patrol" ทั้งที่ไม่มีการเดินลาดตะเวนล่วงเวลา แต่กลับมีการตั้งเบิก โดยบางครั้งมีเจ้าหน้าที่ไปเดินลาดตระเวนไม่ครบชุด เช่น 1 ชุดต้องเดิน 5 คน แต่ไปเดินจริงแค่ 2 คน แต่กลับมีการเบิกเงิน 5 คน และมีชื่อบุคคล 2 คน ที่มีรายชื่อเบิกเงิน ไม่รู้ว่าเงินเหล่านี้่จะกลายเป็นเงินทอนไปที่ใคร พอร้องเรียนก็ถูกกลั่นแกล้งโยกย้ายไม่เป็นธรรม เงินเดือนไม่ขึ้น

เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องภายในของอุทยานแห่งชาติแม่ตะไคร้ แต่อาจไม่ใช่ โดยนี่อาจเป็นเพียงส่วนหนึ่งของฝุ่นที่ซุกอยู่ใต้พรม รอการปัดกวาดอย่างจริงจังของกรมอุทยานแห่งชาติฯก็ได้ เป็นหน้าที่หน่วยงานตรวจสอบต้องดำเนินการอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark