ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

คลิกเดียวสูญเงินแสน พ่อค้าหนุ่มเสียท่าสรรพากรเก๊

เช้านี้ที่หมอชิต - การหลอกลวงและอาชญากรรมทางออนไลน์ยังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างกรณีนี้คลิกเดียวสูญเงิน 1.2 แสน ผู้เสียหายเป็นพ่อค้า ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากรหลอกกดลิงก์เว็บตรวจสอบภาษี แค่กดชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประจำตัวประชาชน เท่านั้น ทำรายการไม่ถึงนาที เงินทั้งบัญชีหายไปทันที

คลิกเดียวสูญเงินแสน พ่อค้าหนุ่มเสียท่าสรรพากรเก๊
ชายคนนี้เป็นผู้เสียหาย อายุประมาณ 23 ปี มีอาชีพค้าขาย โดยเปิดร้านค้าบริเวณใจกลางเมืองแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน 

นายอภิชาติ เล่าว่า เมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา คุณแม่ได้รับโทรศัพท์จากเบอร์ที่ไม่รู้จัก ต้นทางบอกว่าเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร แจ้งเรื่องการตรวจสอบการค้างภาษี แต่ตอนนั้นแม่กำลังยุ่งกับการขายของ เลยให้ตนเองรับสายแทน

ต้นสายอ้างว่ามีการเปลี่ยนแปลงการจัดเก็บภาษีจึงมีการพูดคุยกัน จากนั้นต้นสายได้ส่งแช็ตไลน์ส่งลิงก์ อ้างว่าเป็นลิงก์เว็บกรมสรรพากรเข้ามาเพื่อให้กดเข้าไปตรวจสอบว่ามีการค้างภาษีหรือไม่ แต่เมื่อกดเข้าไปปรากฏว่าโทรศัพท์ค้าง ขึ้นหน้าจอเป็นสีฟ้า มีโลโก้กรมสรรพากร พร้อมข้อความว่า "668325 อยู่ระหว่างการทำการตรวจสอบชื่อนาม-สกุล ห้ามใช้งานโทรศัพท์" จากนั้นโทรศัพท์ก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก จึงเอะใจรีบเช็กเงินในบัญชี ปรากฏว่าหายไป 121,623.02 บาท ทั้งที่ไม่ได้เข้าแอปฯ ธนาคาร ไม่ได้กดรหัสในการดำเนินการ หรือกดยืนยันการแจ้งโอนแต่อย่างใด แต่เงินก็หายออกจากบัญชีของตัวเอง โอนไปยังบัญชีต้นทางได้ 

นายอภิชาติ ยังฝากเตือนไปยังพ่อค้าแม่ค้าและทุกคนเป็นอุทาหรณ์ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ เพราะเดี๋ยวนี้มิจฉาชีพมีหลายรูปแบบ อย่างตนแค่กดลิงก์ ใส่ชื่อ-นามสกุล และเลขบัตรประจำตัว เท่านั้น ก็ต้องสูญเงินแสนในพริบตา การทำธุรกรรมต่าง ๆ ควรติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตามหน่วยงานเองดีที่สุด ถึงจะต้องเสียเวลาบ้างก็ต้องยอม

สาวชาวไร่เงินหายนับล้าน หลังมิจฉาชีพหลอกเป็นสรรพากร
เป็นอีกกรณีที่มีรูปแบบการหลอกลวงที่คล้ายคลึงกันและน่ากลัวมาก เกิดขึ้นกับหญิงสาวชาวไร่จังหวัดเชียงราย ที่เงินในบัญชีที่เก็บมา 20 ปี สูญหายในพริบตากว่าหนึ่งล้านบาท เพราะโดนมิจฉาชีพหลอกเป็นสรรพากร และเงินหายไปเพียงแค่คุยโทรศัพท์เท่านั้น

คดีนี้ผู้เสียหายได้เดินทางไปร้องขอความเป็นธรรมจาก นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนความยุติธรรมในสังคม ที่สำนักงานทนายความคู่ใจถนนแจ้งวัฒนะ ตำบลบางตลาด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี

โดย คุณกานต์ ซึ่งมาพร้อมสามี และลูกสาววัย 5 ขวบ เล่าให้ ทนายรณรงค์ ฟังว่า ถูกแก๊งมิจฉาชีพหลอกลวงว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร บอกว่าสามารถช่วยเหลือไม่ให้เสียภาษีย้อนหลังได้ แต่กลายเป็นว่ากลับถูกแฮ็กข้อมูลสูญเงินในบัญชีไปทั้งสิ้น 1,090,000 บาท จนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว

คุณกานต์ เล่าด้วยเสียงเศร้าว่า ทำงานเป็นสาวโรงงานนานกว่า 20 ปี ตนและสามีใช้จ่ายอย่างประหยัด เก็บหอมรอมริบจนซื้อบ้านทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่งในย่านจังหวัดสมุทรปราการได้ เมื่อเลิกเป็นสาวโรงงานมาก็มาเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าบ้าน แต่ขายได้ไม่ถึง 1 ปี มาเจอสถานการณ์โควิดทำให้ค้าขายขาดทุน เลยตัดสินใจขายบ้านที่มีอยู่ไปในราคา 1,500,000 บาท และย้ายครอบครัวกับภูมิลำเนาเดิมที่จังหวัดเชียงราย ไปปลูกพริกขายตามประสาคนบ้านนอก

ต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2565 มีโทรศัพท์ปลายทางเป็นเสียงผู้ชาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร พร้อมบอกตนเองว่าระหว่างเป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว มีการใช้ App คนละครึ่ง ให้กับลูกค้า ทำให้ต้องเสียภาษีย้อนหลังเป็นจำนวนมาก หากไม่อยากเสียภาษีเขาสามารถช่วยเหลือได้

จากนั้นเขาก็ทักไลน์มาพูดคุยและส่งลิงก์เป็น App ให้กดเข้าไปดู พร้อมพูดคุยสอบถามให้คำปรึกษาถึงแนวทางที่ไม่ต้องเสียภาษีย้อนหลัง แม้ตัวเองจะระวังตัวอยู่แล้วจึงไม่ได้ให้ข้อมูลทั้งเลขบัตรประชาชนและเลขบัญชีธนาคารแต่อย่างใด จนกระทั่งชายดังกล่าววางสายไป จึงรู้สึกว่าโทรศัพท์มีอาการรวนและเงินถูกถอนออกไป ซึ่งไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเงินถูกแฮ็กออกไปได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้ให้หมายเลขบัตรประชาชนหรือเลขบัญชีไปเลย ต่อมาจึงนำเอกสารหลักฐานทั้งหมดที่พูดคุยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เทิง จังหวัดเชียงราย และรีบติดต่อธนาคาร เพื่ออธิบายและชี้แจง เพราะตอนที่ฝากเงินได้ทำข้อตกลงไว้ว่าสามารถเบิกถอนเงินในบัญชีได้ครั้งละเพียง 30,000 บาทต่อวันเท่านั้น แต่ทำไมคนร้ายหรือมิจฉาชีพถึงสามารถดูดเงินหรือถอนเงินจากบัญชีตนได้ครั้งละ 1,090,000 บาท ในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 10 นาที แต่ถูกปฏิเสธความรับผิดชอบจากทางธนาคาร ส่วนคดีที่แจ้งความไว้กับพนักงานสอบสวนผ่านมาแล้วกว่า 1 เดือน ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อหรือความคืบหน้าของคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเลย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark