ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

หลอกกดลิงก์อ้างสรรพากร ดูดเงิน 1 ล้านกว่าบาท ใน 10 นาที

เช้านี้ที่หมอชิต - แม่ค้าออนไลน์ ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นสรรพากร โทรศัพท์หลอกให้กดลิงก์ยกเลิกแอปถุงเงิน ก่อนดูดเงินในบัญชี 1,006,000 บาท ใช้เวลาตั้งแต่คุยจนดูดเงินเพียง 10 นาที

นางสาวฉัตรฐิญา ด้วงเจริญ แม่ค้าออนไลน์ และเจ้าของเครื่องดื่มน้ำสมุนไพรชายต้น เข้าร้องเรียนต่อกองบัญชาการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจ ปอท. ว่าถูกมิจฉาชีพ อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร แฮ็กข้อมูลโอนเงินออกจากแอปธนาคาร ในโทรศัพท์มือถือกว่า 1 ล้านบาท โดยใช้เวลาตั้งแต่โทรศัพท์มาหลอก และโอนเงินออกเพียง 10 นาทีเท่านั้น

หลังเกิดเหตุเธอรีบไปธนาคารเพื่อขอให้อายัดบัญชี แต่ต้องได้ใบแจ้งความจากตำรวจ จึงรีบไปแจ้งความต่อที่สถานีตำรวจภูธรกระทุ่มแบน ตำรวจอ้างว่าเป็นวันหยุด ยังไม่สามารถทำเอกสารอายัดบัญชีได้ ให้กลับไปแจ้งความออนไลน์และลงบันทึกประจําวันไว้ก่อน ส่วนการเดินทางไปร้องทุกข์ที่ตำรวจ ปอท. เพราะอยากได้เงินคืน และอยากให้ตํารวจรีบจับตัวคนร้ายมาลงโทษโดยเร็ว เพราะจะได้ไม่ไปก่อเหตุเช่นนี้กับใครอีก

หลังจากผู้เสียหายเข้าพบพนักงานสอบสวน ปอท. เจ้าหน้าที่แนะนำให้ไปแจ้งความร้องทุกข์ ที่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. ซึ่งได้ดําเนินการแจ้งความผ่านออนไลน์ให้ และให้ผู้เสียหายรอตํารวจ สอท. ติดต่อกลับมาเพื่อเข้าไปให้ปากคําเพิ่มเติม

ทีมข่าวรายการเช้านี้ที่หมอชิต สัมภาษณ์รายละเอียดเพิ่มเติมจากนางสาวฉัตรฐิญา เธอบอกว่า วันเสาร์ที่ 14 มกราคม แก๊งมิจฉาชีพโทรศัพท์มาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่จากกรมสรรพากร สอบถามชื่อร้านและบอกให้ลงทะเบียนยกเลิกแอปพลิเคชันถุงเงินก่อน เนื่องจากช่วงนี้ยังไม่มีให้ใช้งาน หากมีเฟสใหม่ค่อยโหลดใหม่ จากนั้นได้แอดไลน์จากเบอร์โทรศัพท์ พร้อมกับส่งลิงก์เข้ามาให้ เมื่อกดลิงก์นั้น มีช่องให้ใส่ชื่อและเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นแอปสรรพากรก็เด้งมาอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์

หลังจากนั้นหน้าจอโทรศัพท์ค้างเป็นสีฟ้า และมีรหัส OTP 6 ตัวขึ้นมา แต่ไม่สามารถทําอะไรได้เลย ซึ่งระหว่างนั้นยังค้างสายอยู่ โดยมิจฉาชีพอ้างว่ากําลังทํารายการตรวจสอบอยู่ มารู้ตัวอีกทีคือตอนที่เงินถูกถอนออกไปรอบแรกจํานวน 700,000 บาท และสายก็ตัดออกไปเลย จากนั้นถูกถอนเงินอีกครั้งจํานวน 306,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสินจํานวน 1,006,000 บาท

เมื่อตรวจสอบบัญชีปลายทางที่รับโอนพบว่า ครั้งแรกโอนไปยังบัญชีชื่อ นางสาวจิตรา จิ่นแก้ว ส่วนการโอนครั้งที่ 2 ถูกโอนไปยังบัญชีของนางสาวพนัชกร เสริมสุข

ผู้เสียหายบอกด้วยว่า คนร้ายแฮ็กข้อมูลทุกธนาคารที่มีอยู่ แต่ไม่พบเงินในบัญชี จึงอยากให้ธนาคารทุกแห่งมีมาตรการที่รัดกุมกว่านี้ เพราะเงินจํานวนมากถูกโอนออกง่ายเกินไป และยอมรับว่าปกติไม่ค่อยได้ตามข่าวเพราะมัวแต่ยุ่งกับงาน จนมาเห็นทีหลังที่แชร์กันตามสื่ออนไลน์ ทําให้รู้สึกเครียดหนักกว่าเดิม

นอกจากนี้ อยากให้ตำรวจรับแจ้งความให้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่อ้างว่าติดวันหยุด ไม่สามารถรับแจ้งความ และไม่ออกหนังสืออายัดบัญชีให้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark