ฉาววงการผ้าเหลือง หลวงตาล่วงละเมิดทางเพศสามเณร จ.ปราจีนบุรี

เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีมีพระรูปหนึ่งในพื้นที่ ตำบลบ้านพระ อำเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรี ใช้กลวิธีหลอกลวงสามเณร อายุ 11 ขวบ ให้ขึ้นไปพบที่กุฏิในเวลากลางวันและกลางคืน ก่อนที่จะลงมือล่วงละเมิดทางเพศจนสำเร็จความใคร่ถึง 6 ครั้ง

เหตุการณ์น่าสลดใจนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน จนถึงเดือนธันวาคม 2565 โดยพระรูปดังกล่าว ได้มีของแลกเปลี่ยนโทรศัพท์เก่า ๆ กับ สามเณรมาใช้ 2 เครื่อง เพื่อเป็นการปิดปาก พร้อมกำชับสามเณรห้ามนำเรื่องดังกล่าวไปบอกกับใครเด็ดขาด จนกระทั่งต่อมาเรื่องแดงขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2565 สามเณรเกิดป่วย เพราะมีอาการอักเสบของช่องทวารหนัก ญาติทางแม่จึงพาสามเณรไปพบแพทย์ที่อนามัย หลังจากแพทย์ตรวจพบว่าทวารหนักอักเสบรุนแรง และเมื่อซักถามจึงรู้ความจริงว่า สามเณรถูกล่วงละเมิดทางเพศ

ล่าสุด ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปวัดดังกล่าว ได้พบกับสามเณร ยังมีท่าทางหวาดกลัว กล่าวว่า พระที่ล่วงละเมิดทางเพศตน ห้ามไปบอกใคร หลังถูกกระทำ รู้สึกเจ็บปวดมาก และหลังจากที่เดินทางไปหาหมอก็ได้บอกความจริง เพราะทนไม่ไหวแล้ว ที่ผ่านมา บวชเรียนมาได้ 7 เดือนกว่าแล้ว ส่วนตอนโดนกระทำ ถูกกระทำมาตั้งแต่ก่อนที่จะบวชเณรแล้ว

ด้าน นางสาว จุฬาลักษณ์ เเม่ของเณร กล่าวว่า ที่ผ่านมา น้องไม่ได้เล่าอะไรให้ฟังเลย จนกระทั่งพอไปตรวจร่างกาย เขาให้แม่เซ็นต์ หมอได้ถามว่าสาเหตุเป็นมายังไง ให้น้องเล่าให้ฟัง น้องเล่าว่า น้องเขาโดนกระทำเพื่อแลกกับโทรศัพท์ เขาบวชได้เดือนกว่า ๆ แล้วน้องเขาโดนกระทำมาตลอด ส่วนตอนนี้ สามเณรกลัว อยากสึก ตนจึงนำสามเณรมาอยู่ใกล้บ้าน เบื้องต้น ได้พาไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ ยอมรับว่าพอมารู้เรื่อง พระรูปนี้ กับเจ้าอาวาสได้พากันหนีไปแล้วก่อนปีใหม่

พระสายัณห์ ธีปะธรรมโม รองเจ้าอาวาสวัด เบื้องต้นพระองค์ดังกล่าวเป็นคนจังหวัดนครสวรรค์ มาบวชที่จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งพรรษาแรกมาอยู่ที่ปราจีนบุรี ต่อมา น้องสาวของพระได้ซื้อที่ดินและอยากให้พระน้องชายมาอยู่ใกล้ ๆ พรรษาที่ 2 ก็มาอยู่ที่วัด ก่อนที่พรรษาที่ 3 จะย้ายไปอยู่วัดอีกแห่งหนึ่ง
ที่ผ่านมา เคยสอบถามพระรูปดังกล่าวว่า ทำกับสามเณรจริงหรือไม่ แต่เขาปฏิเสธ จากนั้นพ่อของสามเณร บอกว่า ถ้าไม่ยอมรับ จะไปแจ้งความ จากนั้นวันที่ 30 ธันวาคม ก็หายไป โดยอ้างว่า จะไปหาหมอ แล้วก็ติดต่อไม่ได้

ด้านนาย ธิติ กิตติวิทิตคุณ ปลัดอำเภอเมืองปราจีนบุรี กล่าวว่า หลังจากนี้ทางเจ้าคณะตำบลผู้ปกครองสงฆ์ ก็ได้ประชุมหารือเกี่ยวกับพระรูปนี้ ถ้าไม่เข้ามารายงานตัวภายในกำหนด ก็จะดำเนินการตามกระทรวงการยุติธรรม และจะถือว่าให้พ้นจากการเป็นพระ เบื้องต้น ได้ทำการขออนุญาตทางเจ้าอาวาสวัด เพื่อเข้าไปสำรวจกุฏิที่อยู่ของพระรูปดังกล่าวที่ถูกอ้างว่าก่อเหตุ โดยภายในนั้นไม่พบทรัพย์สินมีค่า มีแต่จีวรกับอาหารที่อยู่ในจาน โดยคาดว่าพระที่ถูกกล่าวหานั้นได้รีบออกจากวัด โดยไม่ได้เก็บข้าวของใด ๆ ไป