ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ให้บริการ 7 เรื่อง คนจีนมาไทย

เจาะประเด็นข่าว 7HD - หลังจากเป็นประเด็นร้อนขึ้นมา เมื่อหญิงชาวจีนโพสต์วิดีโอคลิปลงติกตอกในจีน บอกว่า ต้องการทดลองว่าจ้างตำรวจไทย ให้พาไปส่งที่โรงแรมที่พัทยา แล้วพบว่าจ้างได้จริง เดือดร้อนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงทันที ทีมข่าวได้รับเบาะแสเพิ่มเติม ว่าไม่ใช่แค่เรื่องเดียวที่มีการอำนวยความสะดวก แต่มีถึง 7 เรื่องที่มีการเผยแพร่ในจีน

ให้บริการ 7 เรื่อง คนจีนมาไทย
จากกรณีที่เพจ Drama-addict ได้นำภาพบางส่วนและลิงก์คลิปวิดีโอนี้ โพสต์ลงเฟซบุ๊กเมื่อวานนี้ พร้อมข้อความที่บอกว่า กำลังเป็นไวรัลที่จีน เจ้าของคลิปเป็นสาวจีน ลงคลิปในติกตอก รีวิวซื้อบริการตำรวจนำขบวนจากสนามบินสุวรรณภูมิ ขับรถเปิดไซเรนไปส่งโรงแรมในเมืองพัทยา จากเวลาปกติที่ต้องใช้ 3 ชั่วโมง ลดเหลือ 1 ชั่วโมง จ่ายเงิน 7,000 บาท จนนำไปสู่การตั้งคณะกรรมการสอบบุคคลที่ปรากฎในคลิป เป็นตำรวจจริง 3 นาย เป็นตำรวจท่องเที่ยว 1 นาย ตำแหน่ง รองสารวัตร กองกำกับการ 3 รับผิดชอบสนามบินสุวรรณภูมิ สังกัดกองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 และตำรวจสังกัดกองบังคับการตำรวจจราจร ยศสิบตำรวจเอกอีก 2 นาย ซึ่งตำรวจทั้ง 3 นาย ถูกต้นสังกัดตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง 

อย่างไรก็ตามมีเบาะแสเพิ่มเติมว่า ในแอปพลิเคชัน WeChat ที่ชาวจีนนิยมใช้ มีการโพสต์ข้อความ เฉพาะกลุ่มนำเที่ยวคนที่มีฐานะ หากต้องเดินทางมาไทย และต้องการรับบริการพิเศษใน 7 เรื่อง ก็เข้าไปแชตเป็นรายบุคคล หากต้องการก็จะมีค่าบริการราคาไม่เท่ากันตามแต่ละกรณี ตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสนบาท ชำระเงินก่อนเข้ามาใช้บริการในไทย

บริการอย่างแรก คือ บริการทดสอบเด็กหลอดแก้ว, บริการตำรวจ รับจากในสนามบินแบบ VIP, บริการทำวีซา Elite 5 ปี 10 ปี 20 ปี, บริการเปิดบัญชีธนาคาร เช่น ธนาคารกรุงเทพ, ธนาคารกรุงไทย, บริการทำใบขับขี่ในไทย, บริการเช่ารถ รายวัน, รายเดือน และบริการเช่าเรือยอชต์, วิลลา, บอดีการ์ด และ ตำรวจนำขบวน

ไม่ใช่แค่เมืองไทย เห็นบอกว่าบริการแบบนี้ ทำได้ในหลายประเทศ แล้วแต่ธงชาติที่ติดเอาไว้ด้านหน้าบริการ

ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ประธานเครือข่ายทนายคลายทุกข์ ก็ออกมาแฉเพิ่มว่า ตำรวจที่ประสานงานครั้งนี้ มีนักการเมืองระดับสูงยืมตัวไปช่วยราชการ มีเวลาว่างก็ไปรับงานเป็นรายเที่ยว น่าจะทำมานานแล้ว ทั้งสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิ ภาษาตำรวจ ย่อว่า อน. คืออำนวยความสะดวก เรื่องแบบนี้มีมานานแล้ว ตรวจสอบง่ายแค่เอาวงจรปิดสนามบินมาดู กรณีที่เกิดขึ้นมีโทษตามมติ ครม.2562 คือไล่ออก ปลดออกอย่างเดียว และโทษทางอาญาสูงสุดถึงจำคุกตลอดชีวิต 

ส่วนความคืบหน้าในการสอบปากคำ ตำรวจที่อยู่ในคลิป หลังถูกต้นสังกัดของทั้ง 3 นาย ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ซึ่งต่อมาก็มีคลิปการให้ปากคำของตำรวจทั้ง 3 นายออกมา โดยให้การว่า ได้รับการประสานจากคนขับรถของรัฐมนตรี ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีคนหนึ่ง ให้ช่วยอำนวยความสะดวกกับหญิงชาวจีนสองแม่ลูก จึงนำรถยนต์และรถจักรยานยนต์ของตนเองไปรับ-ส่ง ส่วนที่สามารถพานักท่องเที่ยว ออกจากช่องทางตรวจคนเข้าเมืองได้รวดเร็ว เพราะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้ E-VISA ในการเดินทางเข้ามาในไทย

ทีมข่าวได้ไปตรวจสอบที่กองบังคับการตำรวจจราจร ก็พบรถจักรยานยนต์บิกไบก์ ยี่ห้อยามาฮ่า รุ่น เอ็มที-09 เทรเซอร์ สีขาว ป้ายทะเบียนส่วนบุคคล ซึ่งเป็นรถคันที่ปรากฏอยู่ในคลิปวิดีโอว่า เป็นรถนำขบวนของนักท่องเที่ยวชาวจีนจอดอยู่ โดยที่รถคันนี้ไม่มีตราสัญลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือกองบังคับการตำรวจจราจร รวมทั้งป้ายทะเบียน ก็พบว่าเป็นป้ายของรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคล ไม่ใช่ป้ายทะเบียนตราโล่ มีการตกแต่งโดยติดสัญญาณไซเรนไว้ที่รถด้วย นอกจากนั้นยังมีถุงมือ และผ้าคลุมศีรษะสีดำ วางอยู่ด้านหน้าของรถ

พร้อมกับสอบถามไปยัง พลตำรวจตรี อภิชาติ สุริบุญญา รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว ปฏิเสธว่า ไม่ได้เป็นคนให้ข่าวกับสื่อมวลชนว่า ตำรวจท่องเที่ยวที่อยู่ในคลิปให้การว่า ได้รับการประสานจากคนขับรถของรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ไปขับรถนำขบวนและอำนายความสะดวกกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ เพราะยังไม่ได้มีการเรียกเข้ามาให้การอย่างเป็นทางการ เนื่องจากอยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และจากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่า รถที่ใช้เป็นรถส่วนตัว ไม่ใช่รถของทางราชการ ไม่ถือเป็นความผิดทางอาญา แต่มีความผิดทางวินัย เพราะเป็นความประพฤติไม่เหมาะสม เนื่องจากตำรวจท่องเที่ยวต้องดูแลและอำนวยความสะดวกกับนักท่องเที่ยวทุกคนในภาพรวม ไม่ใช่บุคคลใดบุคคลหนึ่งเป็นพิเศษ และในวันดังกล่าวไม่มีคำสั่งจากหน่วยงานให้ไปอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวแต่อย่างใด แต่จากพฤติกรรมทำให้เชื่อว่า เป็นการรับงานพิเศษในการอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม หากการสอบสวนพบว่ามีคนขับรถของรัฐมนตรีเกี่ยวข้องด้วยตามที่เป็นข่าว ก็จะต้องเชิญตัวมาให้ข้อมูลด้วยเช่นกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในประเด็นดังกล่าว

"ธนกร" ปฏิเสธให้ตำรวจอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวต่างชาติ
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ปฏิเสธข่าวคนขับรถยนต์ของตนเอง เข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้รถของทางราชการ อำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีน เพราะยึดแนวทางการทำงานเหมือนกับนายกรัฐมนตรี ที่เด็ดขาดกับเรื่องทุจริต และจะไม่ปล่อยให้มีการแอบอ้างชื่อไปใช้ในทางทุจริต พร้อมยืนยัน ที่จะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทุกกรณี หากสังคมยังมีข้อสงสัย นอกจากนี้ ยังได้สอบถาม ไปยังนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย ซึ่งก็ยืนยันเช่นกันว่า ไม่มีทีมงานเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark