สจ.ชื่อดังอุทัยธานี ยอมขอโทษ - ชดใช้ค่าเสียหายแทนลูกน้อง รุมยำหนุ่มแกร็บ จ.นนทบุรี

ข่าวอาชญากรรม 31 มกราคม 2566 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - นักการเมืองชื่อดังในจังหวัดอุทัยธานี ติดต่อผู้เสียหาย คนขับแกร็บคาร์ เพื่อชดใช้ค่าเสียหายและเยียวยา หลังทีมงานติดตามรุมทำร้ายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ ขณะไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งในจังหวัดนนทบุรี

หลังจากที่มีผู้เสียหาย เป็นชายอายุ 40 ปี อาชีพขับแกร็บคาร์ นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดออกมาเผยแพร่ กรณีถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ 5 คน นั่งมาในรถยนต์สีดำ ทะเบียนจังหวัดอุทัยธานี ติดตั้งสัญญาณไซเรน ซึ่งคนในรถแต่งกายด้วยชุดสีดำลงมาจากรถ จากนั้นมีชายอีก 2 คน สวมชุดสีดำเหมือนกัน ลงจากรถเก๋งอีกคัน เดินตามเข้าไปสมทบทำร้ายผู้เสียหาย เมื่อกลางดึกวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา บริเวณหน้าลานจอดรถของสถานบันเทิงแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนนทบุรี

ผู้เสียหายให้ข้อมูลว่า ตนเองพร้อมเพื่อน 6 คน ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงที่เกิดเหตุ ระหว่างที่นั่งดื่มกิน เต้นอย่างสนุกสนานอยู่นั้น มีชายคนหนึ่ง ซึ่งอยู่ในกลุ่มคู่กรณีที่มาประมาณ 10 คน นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ แต่ละคนสวมเสื้อที่ปักอักษรระบุว่า ทีมงาน "สจ.เปี๊ยก" จู่ ๆ ผลักเก้าอี้อย่างแรง จนเก้าอี้เอนมากระแทกหลังตนเอง จึงถามว่า "พี่มีอะไรกับผมหรือเปล่า" โดยชายที่เป็นคนผลักเก้าอี้ได้ตอบกลับว่า "ไม่มีอะไร" และทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนั่งดื่มที่โต๊ะใครโต๊ะมัน

จากนั้น ผู้เสียหายเดินออกไปสูบบุหรี่ เป็นจังหวะเดียวกับรถยนต์สีดำ ทะเบียนอุทัยธานี ที่ด้านหน้ารถเปิดสัญญาณไซเรนขับมาจอด ก่อนคนที่นั่งอยู่ในรถเปิดกระจกลง ตะโกนถามด้วยน้ำเสียงชวนหาเรื่องว่า "ตามมาทำไม" ตนบอกว่า "ไม่ได้ตามครับ ออกมาสูบบุหรี่" แต่ฝ่ายชายฉกรรจ์ไม่ยอมจบ ถามต่ออีกว่า "เอาอะไร มีอะไรหรือเปล่า" ก่อนพากันลงรถปรี่มาหาสาวหวัดชกต่อย และกระทืบตามลำตัวแบบไม่ยั้ง จนเจ็บไปทั้งตัว

ล่าสุด สจ.เปี๊ยก ผู้กว้างขวางในพื้นที่จังหวัดอุทัยธานี ได้ติดต่อมายังผู้เสียหาย พร้อมขอโทษและชดใช้ค่ารักษาพยาบาลให้ พร้อมยอมรับว่า วันเกิดเหตุได้เดินมาทางด้วย แต่นั่งในรถตู้ ซึ่งขับออกไปก่อนที่จะเกิดเหตุ จึงไม่ทราบว่า ทีมงานที่ติดตามลงไปก่อเหตุดังกล่าว 

และเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ผู้เสียหายและทนายความจะเดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติม ขณะที่ แนวทางการสืบสวน ชุดสืบสวนลงพื้นที่หากล้องวงจรปิดเพิ่มเติม เนื่องจากกล้องที่มียังไม่ชัดเจนว่า เป็นการรุมทำร้ายผู้บาดเจ็บหรือไม่