ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

รมว.กระทรวงศึกษาธิการ สั่งสอบกล้อนผมนักเรียน ผอ.โดนด้วย

เช้านี้ที่หมอชิต - จากกรณีที่ครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจังหวัดเพชรบูรณ์ เอากรรไกรไล่กล้อนผมเด็กนับร้อย ปรากฏเป็นภาพสภาพเศษผมหล่นเกลื่อน และปลิวว่อนทั่วโรงเรียนไปหมด ในที่สุดเพราะเหตุนี้ เรื่อง "ทรงผม" ของนักเรียนจึงได้กลับมาเป็นประเด็นถกเถียงกันในสังคมอีกครั้งว่า ทรงที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร

วันนี้เราจะมาขยายความเรื่องนี้ ไปเริ่มต้นกันที่ เสียงแห่งความอัดอั้นจากน้อง ๆ นักเรียนกันเลย

และไม่ใช่แค่น้อง ๆ เท่านั้น อีกคนหนึ่งที่ออกมาสะท้อนปรากฏการณ์และความเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย ก็คือ ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี ที่ทวีตคม ๆ ออกมาว่า "การสร้างคนให้มีคุณภาพในสังคม ไม่เกี่ยวกับบังคับใครให้ต้องตัดผมทรงอะไร ในสังคมของน้อง ๆ เยาวชนในตอนนี้ ทรงที่ต้องการอย่างเดียวเลย คือ #ทรงอย่างแบด เท่านั้น! #ติ๊กว่า" ซึ่งทวีตนี้ก็มี คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มากดไลก์ด้วย

เหตุการณ์เดือด ๆ และการที่หลาย ๆ คนออกมาแสดงความเห็นแบบนี้มาจากไหน ย้อนกลับไปถึงต้นเหตุของเรื่องนี้ มาจากการเปิดเผยของเพจนักเรียนเลว ที่ได้โพสต์ข้อความและภาพครูกล้อนหัวเด็กจนแหว่ง ระหว่างกำลังเข้าแถวตอนเช้า เศษผมเกลื่อนว่อนโรงเรียนไปหมด จากนั้นครูก็ได้เรียกนักเรียนทั้งหมดที่ถูกกล้อนผมแหว่งให้มารวมตัวกัน และเปลี่ยนโรงเรียนให้เป็นร้านตัดผม จับนักเรียนทุกคนมาแก้ทรงผมให้กลายเป็นทรงเกรียนขาวสามด้าน ซึ่งเดิมกฎทรงผมของโรงเรียนนี้ไม่ได้เคร่งครัดให้นักเรียนต้องขาวขนาดนี้ แต่เมื่อมีผู้อำนวยการคนใหม่ย้ายเข้ามา ครูคนนี้จึงไปขออนุญาตกล้อนผมนักเรียนที่ถูกระเบียบ พอผู้อำนวยการอนุญาตก็เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ซึ่งต่อมา ผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ได้ออกมาอธิบายว่า เป็นนโยบายตัดผมให้นักเรียน เพราะทางโรงเรียนรู้ว่าเด็กหลายคนไม่มีเงิน ซึ่งนักเรียนส่วนใหญ่เข้าใจ แต่อาจจะมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจ ภาพที่ปรากฏในโซเชียลเป็นแค่บางส่วน ไม่ใช่ทั้งหมด

ขณะที่ คุณตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พอทราบเรื่องก็เดือดทันที บอกว่าเห็นคลิปแล้ว ยอมรับว่าการกระทำดังกล่าวมีความไม่เหมาะสม

จากนั้นก็ได้ชี้แจงในเรื่องนี้ แบ่งเป็น 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ การยกเลิกระเบียบ ศธ. ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียน พ.ศ.2563 โดยให้สถานศึกษาไปกำหนดลักษณะทรงผมได้เอง

ส่วนอีกประเด็นหนึ่ง คือ การลงโทษนักเรียนจากระเบียบทรงผม ซึ่งการกล้อนผมเป็นแนวทางที่ไม่ถูกต้องและไม่เหมาะสม เพราะการลงโทษนักเรียนตามระเบียบกระทรวงทำได้เพียง 4 อย่าง คือ ตักเตือน ทำทัณฑ์บน ตัดคะแนนประพฤติ และ ทำกิจกรรมเพื่อให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การกระทำของครูชายรายดังกล่าวจึงขัดกับแนวทางการลงโทษนักเรียน เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ได้สั่งการให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้ว ทั้งผู้อำนวยการโรงเรียน และครูชายที่เป็นมือตัดผม

อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่ทาง เพจนักเรียนเลวตั้งข้อสังเกตไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โรงเรียนต่าง ๆ เชื่อว่ามีอำนาจในการบังคับเรื่องทรงผมของนักเรียนเต็มที่ ก็คือ การที่กระทรวงยกเลิกระเบียบเดิมที่เคยอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ตามความเหมาะสมทั้งชายหญิง หรืออธิบายง่าย ๆ คือ เดิมต้องติ่งหู กะลาครอบเท่านั้น แต่พอมีระเบียบกระทรวง 2563 นักเรียนสามารถนำไปใช้อ้างได้หากมีการกล้อนผมเกิดขึ้น เพราะมีระเบียบชัดเจนที่อนุญาตให้ไว้ผมยาวได้ทั้งชายและหญิงตามความเหมาะสม ดังนั้น การที่ รัฐมนตรีตรีนุช ยกเลิกระเบียบไปแล้วบอกให้โรงเรียนไปคุยกับนักเรียนเอาเอง ก็เหมือนการสร้างภาวะสุญญากาศทางกฎหมาย กระทรวงศึกษาธิการลอยตัว แต่นักเรียนจะยังคงต้องไปเผชิญหน้ากับอำนาจที่เป็นดุลยพินิจของครูต่อไป ซึ่งเป็นปัญหามาตลอด และกรณีการกล้อนผมที่เพชรบูรณ์ครั้งนี้ อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นการกลับมาของทรงนักเรียนที่ถูกใจผู้ใหญ่ แต่ไม่โดนใจวัยรุ่นยุคทรงอย่างแบดอีกครั้งหนึ่ง

ดูทรงผมของนักเรียนไทยแล้ว เรามาดูนานาชาติกันสักนิดนึงว่า มีแนวทางเกี่ยวกับเรื่องทรงผมอย่างไร เรื่องนี้ เพจนักเรียนเลว รวมเอาไว้

ไต้หวัน - ห้ามโรงเรียนบังคับทรงผมนักเรียนตั้งแต่ปี 2548

อังกฤษ - โรงเรียนสามารถออกกฎทรงผมเองได้ แต่รัฐบาลเข้มงวดเรื่องสิทธิมนุษยชนของกฎเครื่องแต่งกายและการไว้ทรงผม

แคนาดา -ไม่มีระเบียบทรงผมระดับชาติ แต่มีเขตการศึกษาออกกฎ ซึ่งยังมีปัญหาเรื่องการเลือกปฏิบัติเกี่ยวกับระเบียบการแต่งกายผ่านการเลือกปฏิบัติต่อผู้หญิง ผู้ที่มีอัตลักษณ์ทางเพศหลากหลาย และคนที่ไม่ใช่คนผิวขาว

ญี่ปุ่น - ไม่มีระเบียบทรงผมระดับชาติ โรงเรียนสามารถออกกฎทรงผมเองได้ ในทางปฏิบัติแต่ละจังหวัดมีอำนาจซึ่งมักมีปัญหาเรื่องกฎทรงผมและเครื่องแบบที่เข้มงวดเกินไป จนกระทั่งทำให้นักเรียนมีปัญหาเชิงสุขภาพจิต

เกาหลีใต้ - ไม่มีระเบียบทรงผมระดับชาติ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่นออกกฎทรงผมเองได้ และในบางเขตพื้นที่ เช่น โซล ไม่บังคับเรื่องทรงผมของนักเรียนเลย

ขอบคุณภาพจาก : Facebook นักเรียนเลว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark