ครูตบหน้านักเรียน ป.1 จนเป็นรอยนิ้วมือ เด็กผวาไม่กล้าไปโรงเรียน

เช้านี้ที่หมอชิต - เด็กนักเรียนชั้น ป.1 ถูกทำโทษด้วยการตบหน้าจนเป็นรอยเขียวช้ำ จนเกิดอาการผวาไม่กล้าไปโรงเรียน ความรุนแรงเกิดขึ้นกับเด็กนักเรียนวัย 7 ขวบ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เรื่องนี้ต้องติดตาม

จากกรณีคุณพ่อท่านหนึ่งติดต่อไปที่เพจสายไหมต้องรอด ด้วยข้อความที่ระบุว่า แอดครับ ลูกสาวผมอายุ 7 ขวบ เรียนอยู่ชั้น ป.1 โรงเรียนชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา ถูกครูทำโทษด้วยการ "ตบที่ใบหน้า" จนเขียวช้ำเป็นรอยฝ่ามือ ลูกผมผวากลัวการไปโรงเรียนเลยครับ 

หลังเกิดเหตุ ผมพาลูกเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรตะกั่วป่า แล้วครับ แต่ทุกอย่างยังเงียบกริบ

ทางตำรวจไม่ให้เอกสารอะไรผมมาเลยครับ ผมกลัวทางคดีจะไม่คืบหน้าเลย ขอความช่วยเหลือให้เพจสายไหมต้องรอด ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้ครอบครัวผมด้วยครับ 

เบื้องต้น นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด ได้ประสานไปยังรองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เพื่อขอให้ส่งนักสังคมสงเคราะห์และนักจิตวิทยา ลงพื้นที่ไปพูดคุยเพื่อเยียวยาสภาพจิตใจของเด็ก เนื่องจากมีอาการผวากลัวการไปโรงเรียน

นอกจากนี้ยังประสานไปยัง ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรตะกั่วป่า เพื่อขอให้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงทางคดี หากพบว่าเด็กถูกครูลงโทษด้วยการ "ตบที่ใบหน้า" จนเป็นรอยเขียวช้ำจริง ถือว่าเป็นละเมิดสิทธิเด็กอย่างร้ายแรง เป็นการทำร้ายร่างกาย ต้องถูกดำเนินคดีให้ถึงที่สุด 

นายจีรวัฒน์ พ่อของเด็ก 7 ขวบ ผู้เสียหาย เล่าว่า หลังจากเห็นรอยแดงเป็นลักษณะนิ้วมือบนแก้มด้านซ้ายของลูกสาวเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ก็ถามว่า ทำไมแก้มด้านซ้ายถึงมีรอยเขียวช้ำ ลูกสาวก็ไม่ยอมตอบตามความจริง บอกเพียงว่าลื่นล้ม ตนเองก็พยามยามถามทุกวัน ก็ไม่ได้รับคำตอบที่แท้จริง จนกระทั่งวันที่ 17 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. ลูกสาวก็ยอมบอกว่า โดนคุณครูคนหนึ่งตบบริเวณใบหน้าด้านซ้าย จำนวน 1 ครั้ง

นายจีรวัฒน์ ยังเล่าว่า ภายในคืนนั้นที่ได้รับคำตอบจากลูกสาว พ่อและแม่จึงรีบพาไปหาหมอเพื่อให้แพทย์ตรวจร่องรอยบาดแผลและทำการรักษา ตรวจเสร็จประมาณเที่ยงคืน คุณหมอจึงแนะนำให้ไปแจ้งความไว้ก่อน และเช้าของวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ทางผู้อำนวยการโรงเรียนก็ได้มาพูดคุยกับทางคุณพ่อของน้อง 7 ขวบ ผู้เสียหาย และสอบถามอาการอาการ พร้อมสอบถามสอบถามว่า ใครเป็นคนตบหน้า

นายสมาท นาเจริญ ผู้ใหญ่บ้านบ้านบางใหญ่ บอกว่า ในวันนี้ (20 ก.พ.) ทางคณะกรรมการโรงเรียนจะเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยเพื่อหาทางออก และให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่ายถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมลงพื้นที่ตรวจสอบข้องเท็จจริง ร่องรอยบาดแผลที่เกิดขึ้นรักษาหาย แต่บาดแผลในใจเด็กวัย 7 ขวบ ต้องอาศัยเวลาในการรักษาอีกนาน