คอลัมน์หมายเลข 7 : สาวไส้! ปมผู้บริหารเขตเรียกเงิน 80,000 บาท แลกตำแหน่งขับรถขยะ
ข่าวภาคค่ำ - กรณีมีพนักงานขับรถขยะใน กทม. ออกมาแฉว่าถูกผู้บริหารหน่วยงานต้นสกัด เรียกรับเงินจำนวน 80,000 บาท เพื่อแลกกับตำแหน่งคนขับรถขยะ ล่าสุดผู้ถูกกล่าวหา ถูกย้ายออกจากพื้นที่แล้ว ขณะที่คอลัมน์หมายเลข 7 ลงพื้นที่พบว่า ในสายอาชีพมีรายได้ผลประโยชน์ที่เพิ่มเติมขึ้นมา นอกเหนือจากเงินว่าจ้าง ติดตามจากรายงาน
จากคลิปเสียงสนทนาที่ถูกเผยแพร่ตีแผ่ออกมาผ่านสื่อ โดยอ้างว่าเป็นเสียงของลูกจ้างชั่วคราวฝ่ายรักษาความสะอาดเขตลาดพร้าว กับหัวหน้างานสำนักงานเขต ซึ่งเรียกรับเงินจำนวน 80,000 บาท เพื่อแลกกับตำแหน่งคนขับรถขยะ ถูกเรียกร้องให้เกิดการตรวจสอบ จนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องแต่งตั้งคณะกรรมการจากส่วนกลางขึ้นมาสืบสวนข้อเท็จจริง
คอลัมน์หมายเลข 7 ติดตามความคืบหน้า พบว่า ขณะนี้หัวหน้างานระดับชำนาญการที่ถูกกล่าวหา ได้ถูกสั่งย้ายให้ออกจากพื้นที่ไปช่วยราชการที่สำนักสิ่งแวดล้อมแล้ว เพื่อไม่ให้ไปพัวพันกับพยานหลักฐานในระหว่างการสอบสวน โดยผู้บริหารได้ขีดเส้นตายภายใน 15 วัน
ระหว่างที่รอการตรวจสอบข้อเท็จจริงจากต้นสังกัด ซึ่งผู้บริหารระดับสูง ยืนยันว่าจะขยายผลสืบสาวว่ามีข้าราชการที่เป็นผู้ใหญ่ระดับสูงขึ้นไปของเขตมีส่วนในการเรียกรับเงินด้วยหรือไม่ และหากพบว่ามีมูลความผิดจริง ก็จะเอาผิดทั้งทางวินัย และอาญาควบคู่กัน
คอลัมน์หมายเลข 7 ลงพื้นที่สุ่มสำรวจ ติดตามการทำงานของพนักงานเก็บขยะในกรุงเทพมหานคร พบว่า ในอาชีพนี้เป็นหนึ่งในอาชีพที่มีสิทธิประโยชน์ ซึ่งทำให้หลายคนเลือกที่จะทำงานในสายอาชีพนี้ แต่ว่าในการเข้ามาทำงานก็จะต้องสมัครและสอบเข้า โดยจะถูกว่าจ้างให้เป็นลูกจ้างชั่วคราว ก่อนจะปรับเป็นลูกจ้างประจำ ซึ่งหัวหน้าจะเป็นผู้พิจารณาประเมินจากผลงานการทำงาน และพฤติกรรมการทำงาน
หลายคนอาจมีคำถามว่าเหตุใดจึงมีคนที่ยอมใช้เงินเพื่อซื้อตำแหน่งนี้ คำตอบคือ นอกจากโอกาสที่จะได้ไต่ระดับ สอบบรรจุเป็นพนักงานประจำที่มีมากขึ้นแล้ว หากสอบได้ เงินเดือนจะเพิ่มขึ้นและได้ปรับทุกปี แถมมีสวัสดิการรักษาพยาบาล และยังมีผลประโยชน์จากการคัดแยกขยะด้วย
อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุอื้อฉาว กทม.ได้ปรับระบบใหม่ ในเรื่องการบรรจุเป็นลูกจ้างประจำ กทม.ใหม่ โดยเน้นการพิจารณาจากอาวุโสเป็นหลัก และแยกประเภทการบรรจุ เพื่อดูแลลูกจ้างชั้นผู้น้อย ทั้งคนเก็บขนขยะ ขนสิ่งปฏิกูล และคนกวาดขยะ ให้ได้รับความเป็นธรรมในการขึ้นตำแหน่ง และบรรจุงาน
สิ่งที่เกิดขึ้นแม้ กทม.จะบอกว่ามีการปิดช่องโหว่แล้ว แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องการซื้อ-ขายตำแหน่ง หรือ วิ่งเต้น ในระบบราชการ ยังเป็นมะเร็งร้าย ซึ่งเชื่อได้ว่า ยังมีการแสวงหาประโยชน์แบบนี้ ซุกอยู่ในเกือบทุกอณูของระบบราชการไทย ที่ไม่ว่าจะปฏิรูปเท่าไหร่ ก็ได้แค่คำพูด แต่ไม่สามารถขจัดปัญหาได้อย่างแท้จริง
