ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

คอลัมน์หมายเลข 7 : ชาวบ้านสันคะยอม 233 คน ถูกอมเงินออมทรัพย์ - ทุจริตร้านค้าประชารัฐ

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้ คุณเกรียงไกร รัตนา ลงพื้นที่ขยายผลติดตามเรื่องร้องเรียนของชาวบ้านที่ไม่สามารถถอนเงินฝากไว้กับสถาบันการเงินชุมชนในพื้นที่อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ได้ นอกจากนี้ยังพบการทุจริตเงินโครงการพัฒนาร้านค้าประชารัฐอีกด้วย ติดตามรายละเอียดทั้งหมดจากรายงาน

นี่คือสภาพบ้านของ นายสมบูรณ์ มูลคง ชาวบ้านสันคะยอม หมู่ที่ 3 ตำบลมะขามหลวง อำเภอสันป่าตอง จังหวัดเชียงใหม่ ที่ผุพังเกือบทั้งหลัง และมีโครงการที่จะปรับปรุงบ้านทั้ง 2 หลังนี้ โดยใช้เงินเก็บออมกว่า 1 แสนบาท ที่ฝากไว้กับสถาบันการเงินชุมชนสันคะยอม แต่สุดท้ายความฝันและโครงการต้องพับเก็บไป เพราะไม่สามารถเอาเงินที่ฝากออกมาได้

คอลัมน์หมายเลข 7 จึงออกค้นหาความจริงให้ นายสมบูรณ์ โดยได้มาพบกับประธานกองทุนหมู่บ้านสันคะยอม ชี้แจงสาเหตุที่ไม่สามารถให้ นายสมบูรณ์ ถอนเงินออกไปได้ เพราะว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น โดยกล่าวหาคณะกรรมการชุดเก่าที่หมดวาระในปีที่แล้ว และขณะนี้ได้แจ้งความกับ สภ.สันป่าตอง เพื่อให้ดำเนินคดี รวมถึงมีการร้องเรียนไปที่ศูนย์ดำรงธรรมของอำเภอสันป่าตอง เพราะมีชาวบ้านที่เป็นสมาชิกเดือดร้อนถึง 233 คน มูลค่าความเสียหายกว่า 2 ล้านบาท

พอขุดลึกลงไป ยิ่งพบความผิดปกติที่มีเพิ่มมากขึ้น จากการออมเงินออมทรัพย์ของชาวบ้าน โดยพบการทุจริตในเงินที่ภาครัฐให้มาเพื่อพัฒนาหมู่บ้าน อย่างเงินในโครงการพัฒนาร้านค้าประชารัฐ ที่ได้งบประมาณมาทั้งหมด 3 แสนบาท แต่กลับพบว่าไม่ได้มีการนำมาใช้ จนสภาพร้านค้าประชารัฐในปัจจุบันไม่ต่างจากห้องเก็บของ

นอกจากนี้ยังพบว่ามีการทุจริตเกี่ยวกับการปล่อยกู้กองทุนหมู่บ้าน โดยที่ลูกหนี้ที่เป็นชาวบ้านมีการนำเงินมาปิดหนี้แล้ว แต่มีการออกใบเสร็จปลอมให้กับชาวบ้าน และไม่มีการปิดสัญญาเงินกู้ จนทำให้ชาวบ้านเดือดร้อนเป็นหนี้ไม่รู้จบ

คณะกรรมการชุดปัจจุบัน ให้ข้อมูลกับคอลัมน์หมายเลข 7 อีกว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นในคณะกรรมการชุดเก่า จะมีตัวละคร 2 คน ที่คอยชักใยเรื่องนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นผู้มีความรู้ จึงทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อ คัดเลือกให้บริหารจัดการ ทำหน้าที่เป็นเลขานุการและเหรัญญิก และหลังจากที่มีการแจ้งความไปก็เริ่มมีการชำระคืนมาบางส่วน ก่อนที่จะเงียบหายไปอีกครั้ง

กรณีที่เกิดขึ้นกับ นายสมบูรณ์ และชาวบ้านสันคะยอม เป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลกระทบและสร้างความเดือดร้อนเหมือนกับหลายพื้นที่ในสังคมไทย

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เจ้าหน้าที่รัฐ โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หรือ กำกับดูแล ควรจะต้องเข้ามาจัดการสะสางปัญหา และหารูปแบบวิธีการป้องปราม โดยไม่ควรนิ่งนอนใจ จนสุดท้ายอาจจะลุกลามขยายเป็นมะเร็งร้ายกัดกินเงินของชาวบ้านที่ตั้งใจออมเงิน จนยากจะแก้ได้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark