ตำรวจเรียกสอบ 4 เยาวชนรุมทำร้าย-ข่มขู่ฆ่าเด็กพิเศษ 13 ปี จ.บุรีรัมย์

เช้านี้ที่หมอชิต - ตำรวจ สภ.นาโพธิ์ เรียกนักเรียนหญิงและสาวประเภทสอง 4 คน ที่ปรากฏในคลิปรุมทำร้ายนักเรียนหญิง ม.1 เด็กพิเศษ มาสอบปากคำเบื้องต้น โดยเหยื่อเผยถูกทำร้ายมาแล้ว 4-5 ครั้ง ทั้งบังคับกราบเท้า ส่วนสาเหตุเนื่องจากปมรองเท้าขาดและทำรถล้ม ด้านแม่ยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เพราะถือเป็นการกระทำที่รุนแรงเกินเหตุ

กรณีที่มีการเผยแพร่คลิปในโลกออนไลน์ เป็นเหตุการณ์ที่กลุ่มเยาวชนของโรงเรียนมัธยมศึกษาแห่งหนึ่งในจังหวัดบุรีรัมย์ รุมทำร้าย ทั้งตบหน้า เตะศีรษะ จับศีรษะกระแทกพื้น และใช้เท้าเหยียบหน้าคู่กรณี ซึ่งเป็นเด็กหญิงชั้น ม.1 และน้องเองก็เป็นเด็กพิเศษ แม้น้องจะยกมือไหว้ร้องขอชีวิต แต่กลุ่มเยาวชนก็ไม่ยอมหยุด แถมข่มขู่อีกว่า ถ้าไปแจ้งความจะฆ่าให้ตาย

ด้านแม่ของเด็กหญิงอายุ 13 ปี นักเรียนชั้น ม.1 ผู้เสียหาย ได้ร้องเพจสายไหมต้องรอด และเข้าแจ้งความที่ สภ.นาโพธิ์ โดยระบุว่าลูกสาวเป็นเด็กพิเศษ พัฒนาการช้า ถูกกลุ่มนักเรียนหญิงรุ่นพี่โรงเรียนชื่อดังในอำเภอนาโพธิ์ และสาวประเภทสองรวม 4 คน รุมทำร้ายร่างกาย ก่อนจะข่มขู่ห้ามแจ้งตำรวจ ไม่อย่างนั้นจะตามไปเผาบ้านและฆ่าให้ตาย

ผู้เป็นแม่ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ลูกสาวเคยมาบอกว่า ถูกเพื่อนในโรงเรียนทำร้าย ก็คิดว่าเป็นเรื่องปกติของเพื่อน ๆ ที่อาจจะเล่นกันรุนแรง จนกระทั่งวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ลูกสาวมาบอกอีกครั้งว่าถูกทำร้าย ตนก็เฉย ๆ คิดว่าเป็นเรื่องของเด็ก ๆ ก่อนจะมีคนเอาคลิปมาให้ดู รู้สึกเสียใจมาก และรับไม่ได้กับการกระทำของเยาวชนกลุ่มนี้ เพราะถือว่ารุนแรงและป่าเถื่อน ยืนยันจะเอาเรื่องจนถึงที่สุด

ขณะที่ผู้เป็นพ่อ ยืนยันว่า กรณีกลุ่มที่ทำร้ายลูก อ้างว่าลูกสาวขโมยรองเท้าไปนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะเป็นคนซื้อรองเท้าสกอร์ให้ด้วยตนเอง โดยสั่งซื้อออนไลน์ให้ลูกสาวคนรอง แต่พี่สาวคนโตที่ถูกทำร้ายเอาไปใส่ พอเห็นคลิปแล้วรับไม่ได้ รู้สึกสงสารลูกสาว เพราะรุนแรงเกินไป

สำหรับความคืบหน้าทางคดี ตำรวจ สภ.นาโพธิ์ จังหวัดบุรีรัมย์ ได้เรียกเยาวชนอายุ 13 ปี 1 คน, อายุ 14 ปี 2 คน, อายุ 17 ปี ชั้น ม.5 อีก 1 คน ทั้งหมดเป็นเยาวชนหญิง มีเพียง 1 คน อายุ 14 ปี ที่เป็นสาวสอง มาสอบสวน โดยทั้งหมดให้การรับสารภาพ อ้างว่าถูกขโมยรองเท้า และทำให้รถจักรยานยนต์ล้ม ล่าสุดตำรวจตั้งข้อหาเยาวชนทั้ง 4 คน ฐานร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ก่อนจะนำตัวไปชี้จุดที่เกิดเหตุ ก่อนจะนำเยาวชนทั้งหมดส่งกลับบ้าน เพราะจะต้องรอสหวิชาชีพมาสอบร่วม