เพื่อไทย ปรับกลยุทธ์แลนด์สไลด์ อุ้งอิ๊งค์ ลั่นเป็นรัฐบาลพรรคเดียว

เช้านี้ที่หมอชิต - ไม่รู้ว่าเพราะมีสัญญาณแรง ๆ จากบรรดาศิษย์เก่าไทยรักไทยและเพื่อไทย มุ้งใหญ่มุ้งเล็ก เตรียมย้ายกลับบ้านหรือเปล่า บรรยากาศของทางค่ายเพื่อไทย นับวันจึงยิ่งดูคึกคักมั่นใจ ล่าสุด ประกาศยกระดับแลนด์สไลด์อีกรอบ จากเดิมพูดกว้างๆ ขอแค่มากกว่า 250 เอาไว้ยัน ส.ว. แต่เมื่อวานนี้พูดตัวเลขชัด ๆ ขอประกาศปักธง 310 เสียง

เมื่อวานนี้ ในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 พรรคเพื่อไทย มีการประกาศเป้าหมายคว้า ส.ส. 310 ที่นั่ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่างจากเดิมก่อนหน้า ที่เคยบอกบ่อย ๆ ว่า ขอแลนด์สไลด์มากกว่า 250 เสียง เพื่อให้อย่างน้อยเท่ากับเสียงของ สว. โดยหวังว่าการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ สว. มีสิทธิโหวตด้วยนั้นไม่ฝืนต่อเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน 

นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การประกาศเป้าหมายที่นั่ง ส.ส. 310 เสียง ไม่ได้เกินเป้าหมายแลนด์สไลด์ เป็นการตั้งเป้าเชิงยุทธศาสตร์ที่พรรคเพื่อไทยจะต้องไปถึง เพราะต้องการจะเป็นรัฐบาลที่เข้มแข็ง กำจัดระบอบประยุทธ์ออกจากสภาให้ได้ การปรับยุทธศาสตร์ครั้งนี้ของพรรคเพื่อไทย มีความน่าสนใจ เพราะหากทำได้ตามเป้าอาจหมายถึงการเป็นรัฐบาลพรรคเดียว ซึ่งตัวเลข 310 เคยมีการวิเคราะห์กันว่า เป็นตัวเลขในใจในการตั้งรัฐบาลผสมเพื่อไทยก่อนหน้านี้

ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยชูเป้าหมายแลนด์สไลด์ ขอที่นั่งมากกว่า 250 เสียงมาโดยตลอด แต่มีก็มีการประเมินจากหลายฝ่ายว่า ในความเป็นจริงอาจได้ไม่ถึง จึงทำให้มีการคิดสูตรรัฐบาลผสม โดยตั้งเป้ารวมเสียงให้ได้ 310 สูตรที่ลือ ๆ กันก็คือ เพื่อไทย น่าจะได้ราว ๆ 220 ไปจับมือกับพรรคพลังประชารัฐที่มีเสียง สว. ในมือ และพรรคอื่น ๆ เพราะหากตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ ในการบริหาร เสียง สว. จะไม่มีความหมาย ส่วนสมดุลในรัฐบาล เพื่อไทยจะกุมสภาพได้ไม่เกิดการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีมากนัก

ถามว่าสูตรนี้ตั้งต้นมาจากไหน หากไปย้อนดู ผลการเลือกตั้ง ตั้งแต่ยุคไทยรักไทยถึงล่าสุด ต้องยอมรับว่า มีทั้งที่เคยแลนด์สไลด์และไม่ถึง 250 ที่นั่ง ซึ่งจะแปรผันไปกับสถานการณ์การเมืองด้วย เช่น ปี 2554 เทียบกับปี 2550 ความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก เชื่อว่าเพราะปี 54 ที่คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ชนะ ทั้งที่เพิ่งเข้าสู่สนามการเมืองไม่นาน ปัจจัยก็อาจมาจากการเลือกตั้งครั้งนั้นมีขึ้นหลังเหตุการณ์ล้อมปราบคนเสื้อแดง แรงสนับสนุนพรรคเพื่อไทยในเวลานั้นจึงสูงมาก

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้ง 2566 ที่กำลังจะถึง มีตัวแปรสำคัญคือพรรคก้าวไกล ที่มีฐานเสียงเดียวกันที่จะแบ่งความนิยมในเขตหัวเมืองและพื้นที่การศึกษาไปพอสมควรอย่างแน่นอน

ซึ่งที่ผ่านมา ท่าทีของเพื่อไทยมีลักษณะแบ่งรับแบ่งสู้ในเรื่องการจับมือหรือไม่จับมือกับใครตั้งรัฐบาล โดยบอกว่าให้เป็นเรื่องหลังเลือกตั้ง แต่จะเน้นที่นโยบายและผลงานเป็นจุดแข็ง ขณะที่เรื่องนี้ก้าวไกลมีความชัดเจนว่าจะไม่จับมือกับ พลเอกประวิตร อย่างแน่นอน โดยเฉพาะคำปราศรัยของ อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล อดีตเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล ที่จังหวัดอุดรธานี เมืองหลวงของคนเสื้อแดง ที่ระบุว่า พลเอก ประวิตร เป็น ผอ.ศอฉ. ในวันนั้น ทำหน้าที่ปราบปรามสลายการชุมนุมคนเสื้อแดงใครก็ตามที่ไปร่วมรัฐบาลกับ พลเอก ประวิตร ได้ ก็คือคนที่เหยียบหน้าคนเสื้อแดงทั้งประเทศ

ต้องยอมรับว่า คนเสื้อแดงแรงหนุนสำคัญของพรรคเพื่อไทยมาตลอด เมื่อบทบาทในอดีตของ พลเอก ประวิตร ถูกตอกย้ำ ท่าทีจากเพื่อไทย จึงเริ่มเปลี่ยนไปเหมือนกัน โดยเฉพาะ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ที่เริ่มออกมาสื่อสารผ่านสื่อชัดขึ้นว่า เป็นไปไม่ได้ที่ เพื่อไทย จะจับมือกับ พลเอก ประวิตร และย้ำว่าเพื่อไทยมีทางเลือกเดียวต้องชนะแลนด์สไลด์เท่านั้น ตามมาด้วย ตัวเลขใหม่ 310 ดังที่ปรากฏต่อสาธารณะ

ทั้งนี้ ในความเห็นของคุณณัฐวุฒิ ยังเชื่อว่า ท้ายที่สุดแล้ว 2 ป. จะแตกกันไม่จริง ดังนั้น ต่อให้เพื่อไทย ได้มากกว่า 250 ที่นั่ง สว. และพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบันจะรวมกันแล้วเลือกหนึ่งใน 2 ป. ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่งอยู่ดี จากนั้นเมื่อตั้งรัฐบาลได้ ใต้ดินก็จะเดินกล้วยรวมเสียงเพื่อประคองรัฐบาลต่อไป

การสร้างภาพจำใหม่ แลนด์สไลด์ 310 จึงเป็นการยกระดับเป้าหมายขึ้นอีกขั้นในช่วงเวลาแห่งการหาเสียงที่กำลังเข้มข้นดุเดือด ทางหนึ่งเพื่อแก้ทางก้าวไกล อีกทางหนึ่งก็คือการทำให้เป้าหมายแลนด์สไลด์แข็งแรงขึ้น

โดยสัญญาณการปรับกลยุทธ์ยังเริ่มชัดขึ้นด้วย จะเห็นได้ตั้งแต่การขยับตัวเลขใหม่ ผ่านหมอชลน่าน ที่อ้างผลโพลลับว่า เพื่อไทยน่าจะได้อย่าน้อย 270 ที่นั่ง  มีการเปิดตัวทีมงานเศรษฐกิจมากฝีมือ ยุคไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทย ที่กลับมาช่วยพรรค เช่น พันศักดิ์ วิญญรัตน์  หรือ กิตติรัตน์ ณ ระนอง  นอกจากนี้ ก็ยังมีเรื่องการกลับมาของบ้านใหญ่มุ้งสำคัญที่มีข่าวว่ากำลังทยอยย้ายกลับบ้าน เหล่านี้คือการสร้างความเชื่อมั่นถึงความเป็นไปได้ว่า แม้จะไม่มีดีล เพื่อไทยก็ยังจะเป็นรัฐบาล ฐานเสียงโดยเฉพาะคนเสื้อแดงก็จะหมดความกังขาต่อเพื่อไทย