ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

สารวัตรคลั่ง ยิงกลางหมู่บ้าน

เช้านี้ที่หมอชิต - ตำรวจ พร้อมกำลังหน่วยอรินทราช นำกำลังเข้าปิดล้อมพื้นที่ และกันประชาชนที่ไม่เกี่ยวข้องออกเพื่อความปลอดภัย หลังได้รับแจ้งเหตุมีชายคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนยิง ภายในบ้านพักหลังหนึ่ง ในหมู่บ้านมั่นคง 2 เลียบคลองสองสามัคคี ซอยจีระมะกร แยกซอยสายไหม 46 เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร

ที่เกิดเหตุเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ผู้ก่อเหตุมีอาวุธปืน ตะโกนโวยวายอยู่ภายในบ้าน ทราบชื่อ คือ พันตำรวจโท กิตติกานต์ อายุ 51 ปี สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าวกองบัญชาการตำรวจสันติบาล เบื้องต้นทราบว่า พันตำรวจโท กิตติกานต์ พักอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุเพียงลำพัง เนื่องจากเพื่อนตำรวจที่เคยพักอยู่ด้วยกันได้ย้ายออกไปอยู่ที่อื่น ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า พันตำรวจโท กิตติกานต์ มีปืนติดตัวอยู่ 2 กระบอก เป็นปืนขนาด .357 แม็กนัม และ ปืนขนาด 9 มม.

ส่วนนี่เป็นข้อความแช็ตไลน์ระหว่างเจ้าของบ้าน ก่อนหน้าจะเกิดเหตุเพียง 2 วัน โดยเนื้อหาเจ้าของบ้านแสดงความเป็นห่วง หลังได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนบ้าน พันตำรวจโท กิตติกานต์ ส่งเสียงดัง จึงอยากไปช่วยเหลือ แต่ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ตอบกลับด้วยข้อความแปลก ๆ ว่า "ไม่เป็นไร ให้อภัยทุกคนได้เสมอ เพราะทุกวิญญาณเป็นของพระเจ้า" ซึ่งเจ้าของบ้านบอกว่า หากเจ้าตัวอยู่ตามลำพัง ไม่มีคนพาไปหาหมอ ก็บอกได้

ก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ประจำอยู่ที่วิทยาลัยการศึกษา กองบัญชาการศึกษา แต่ว่าถูกย้ายไปที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล และมีรายงานว่า พันตำรวจโท กิตติกานต์ มีภาวะทางจิต ขาดราชการหลายวัน ชาวบ้านมักเห็นตำรวจนายนี้ ถือโทรศัพท์ใส่หูฟังพูดคนเดียว และตะโกนด่าไปเรื่อย โดยก่อนเกิดเหตุชุดปฏิบัติการตำรวจสันติบาล ประสานโรงพยาบาลตำรวจเพื่อมารับตัวไปรักษา เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ก็เคาะประตูเรียก แต่ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ไม่พอใจ ใช้ปืนยิงใส่ประตูไม้ทะลุออกมา 2 นัด แต่ไม่โดนใคร เพื่อนและเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลต้องรีบหนีออกมา

ต่อมา พันตำรวจโท กิตติกานต์ เปิดประตูออกมายืนถือปืนอยู่หน้าบ้าน โวยวายตะโกนซื้อบุหรี่ 1 ซอง จากร้านชำข้างบ้าน ระหว่างนั้นแม่ค้าหยิบบุหรี่ให้ จากนั้น พันตำรวจโท กิตติกานต์ เปิดประตูเข้าไปอยู่ในบ้านพัก ซึ่งตอนนั้น ตำรวจและหน่วยอรินทราชมาถึงแล้ว และล้อมบ้านพักไว้แล้ว

จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ทราบว่า ได้ยินเสียงปืนนัดแรกประมาณ 08.30 น. จากนั้น พันตำรวจโท กิตติกานต์ ขี่รถจักรยานยนต์วนในหมู่บ้าน แล้วยิงปืนอีก 3-4 นัด ระหว่างนั้น มีตำรวจนอกเครื่องแบบเดินเข้าไปพูดคุย จากนั้นผู้ก่อเหตุมีอาการคลุ้มคลั่งมากกว่าเดิม เดินเข้าไปในบ้านแล้วยิงปืนออกมาอีกหลายนัด ทำให้ชาวบ้านต่างหลบอยู่ในบ้าน ไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน

ประมาณบ่ายโมงกว่า ตำรวจพยายามเจรจาเกลี้ยกล่อม แต่ พันตำรวจโท กิตติกานต์ กลับยิ่งคลุ้มคลั่ง ยิงปืนออกมาเป็นระยะ รวมแล้วกว่า 20 นัด พร้อมกับตะโกนด่าออกมา

นอกจากนี้ ยังมีเพื่อนของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ มาช่วยเจรจา บอกว่า ตั้งใจมารับ ไม่มีใครมาทำร้าย มารับไปหาหมอ ถ้าไว้ใจให้เปิดประตูเดินออกมา จะไปรับเอง

รวมถึงผู้บังคับบัญชาที่เคยทำงานร่วมกับ พันตำรวจโท กิตติกานต์ อย่างเช่น พลตำรวจตรี ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งเดินทางมาพร้อมกับ พลตำรวจโท ธิติ แสงสว่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้พยายามเจรจากับ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ว่าเป็นผู้บังคับบัญชาสมัยอยู่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ให้รับโทรศัพท์ที่จะโทรเข้าไป

ช่วงเย็นประมาณ 17.00 น. พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาติดตามความคืบหน้า พร้อมระบุว่า ขณะนี้เน้นการเจรจากับผู้ก่อเหตุโดยการใช้โทรโข่งสื่อสารจากด้านหลังบ้านเป็นระยะ เนื่องจากโทรไปแล้วผู้ก่อเหตุไม่รับสาย เพราะเปิดเพลงเสียงดังภายในห้อง ไม่ต้องการเข้าไปกดดันผู้ก่อเหตุ ไม่มุ่งหวังทำร้ายเขา เนื่องจากไม่ใช่ภัยคุกคาม สถานการณ์สงบแล้ว เลยไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง

ส่วนความเครียดของผู้ก่อเหตุที่อาจจะกำเริบในช่วงมืดค่ำ ไม่มีความกังวล เพราะมีทีมแพทย์คอยให้คำปรึกษากับเจ้าหน้าที่เพื่อประเมินสถานการณ์ ซึ่งนครบาลได้ผ่านการเตรียมการและฝึกซ้อมมาอย่างดี ตอนนี้ถือว่าผู้ก่อเหตุคือผู้ป่วย ถูกกดดันทั้งเรื่องภายในหมู่บ้าน ปัญหาส่วนตัว ได้ให้พี่ชายของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ เข้ามาช่วยเจรจาเเต่ไม่ฟัง ส่วนอาวุธปืนจากการตรวจสอบของตำรวจเป็นปืนพกสั้น แม็กนั่ม .357 และ ปืนขนาด 9 มม.

หลังจากนั้น ช่วงค่ำ เวลาประมาณ 18.00 น. มีเสียงของผู้ที่อ้างเป็นลูกชายของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ มาช่วยเกลี้ยกล่อม โดยบอกให้พ่อใจเย็น ๆ ไม่มีใครคิดทำร้ายพ่อ ทุกคนหวังดีกับพ่อ อยากให้พ่อลงมาคุยกันดี ๆ

หลังการเจรจาผ่านไปประมาณ 7 ชั่วโมงกว่า แต่ไม่เป็นผล ซึ่งตอนนั้น พันตำรวจโท กิตติกานต์ ยิงปืนออกมาแล้วประมาณ 48 นัด

ต่อมาในช่วงค่ำ ก่อน 19.00 น. ตำรวจได้ปรับยุทธวิธียิงแก๊สน้ำตาเข้าไป 2 รอบ ทำให้ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ยิงปืนสวนออกมาอย่างต่อเนื่องประมาณ 20 นัด เพื่อตอบโต้ปฏิบัติการของตำรวจ

หลังจากการยิงแก๊สน้ำตาเข้าไปรอบแรกไม่เป็นผล ทำให้ตำรวจต้องมาวางแผนใหม่ จากนั้นช่วง 20.00 น. ได้ใช้แก๊สน้ำตาและระเบิดควันยิงเข้าไปภายในบ้าน ทำให้แก๊สน้ำตาคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ จากนั้น หน่วยปฏิบัติการพิเศษคอมมานโด ประมาณ 10 นาย เดินทางมาที่เกิดเหตุพร้อมอุปกรณ์และอาวุธพิเศษเพื่อเข้าควบคุมสถานการณ์

ช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ เจรจากับ พันตำรวจโท กิตติกานต์ เพื่อเกลี้ยกล่อมให้ลงมาจากบ้านพัก 2 ชั้น ว่า "กานต์ฟังนะ ทำอะไรให้คิดถึงลูกให้มาก ๆ ลูกรักกานต์ ลงมาคุยกันดี ๆ แต่ทาง สารวัตรกานต์ บอกว่าไม่อยากคุยด้วย มีช่วงหนึ่งที่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ บอกว่า "สารวัตรกานต์" เราพวกเดียวกัน ทำให้ สารวัตรกานต์ ตอบโต้ออกมา "พวกเดียวกันพ่องมึงสิ"

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ยังโทรติดต่อให้แม่ของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ช่วยเกลี้ยกล่อม โดยพูดภาษาเหนือ ว่า "แม่ตั้งท้องลูกมา ผ่าคลอดลูกมา แม่ก็เจ็บ ไม่รักแม่เหรอ แม่เป็นห่วงลูก แม่รักลูก ไม่ต้องเป็นห่วงยศลาภ มีอะไรก็ขอให้ลงมาออกมาคุยกัน แต่ พันตำรวจโท กิตติกานต์ บอกว่า ไม่ต้องมาเป็นห่วง หลังจากนั้นก็มีอาการคลุ้มคลั่งหนักและพูดจาไม่รู้เรื่อง"

กระทั่งเกือบ 22.00 น. เเม่ของ พันตำรวจโท กิตติกานต์ โทรศัพท์อีกรอบ และพยายามเกลี้ยกล่อม แต่ พันตำรวจโท กิตติกานต์ ยิ่งโวยวายหนัก ไม่ยอมคุยด้วย แม้ผู้เป็นแม่จะบอกว่า แม่รักลูกมาก สารวัตรกานต์บอกว่า ไม่ต้องมารัก บ้าหรือเปล่า และพยายามตะโกนใช้เสียงดังมากขึ้น ตะโกนออกมาว่า "อยากตาย"

ต่อมา พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ เรียกประชุมเพื่อกำหนดยุทธวิธี พร้อมบอกว่า ได้มีการตระเตรียมไว้ เพราะต้องการที่ให้ พันตำรวจโท กิตติกานต์ มีท่าทีที่อ่อนลงก่อน และประสานให้นักจิตเวช นักจิตบำบัด มาคุยกับ พันตำรวจโท กิตติกานต์ เพื่อให้ได้ระบาย ถ้าพูดระบายเสร็จเป็นผล เจ้าหน้าที่จะพยายามเกลี้ยกล่อมอีกครั้ง การเจรจาที่ผ่านมาระบายออกความเครียดเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับงาน ที่ผ่านมา ผู้บังคับบัญชาเห็นพฤติกรรมแล้วว่า มีอาการป่วยและไม่ได้กินยาต่อเนื่อง จึงเฝ้าระวังและพยายามให้การรักษามาตลอด แต่การขาดยาทำให้มีอาการดังกล่าว

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark