ศาลฎีกายืนประหารชีวิต อดีต ผอ.กอล์ฟ ฆ่าชิงทอง ที่ จ.ลพบุรี

ข่าวอาชญากรรม 26 เมษายน 2566 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - อีก 1 คดี อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญเมื่อปี 2563 เมื่อผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ถูกความโลภบังตาก่อเหตุฆ่าชิงทองในห้างสรรพสินค้า จังหวัดลพบุรี คดีนี้มาถึงชั้นศาลฎีกาแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้น และอุทธรณ์ พิพากษาโทษประหารชีวิต

เหตุการณ์อุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญ เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2563 ที่ นายประสิทธิชัย หรือ "ผอ.กอล์ฟ" อายุ 41 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี ถืออาวุธปืนติดอุปกรณ์เก็บเสียง บุกเข้าไปชิงทองคำ ที่ร้านค้าทองออโรร่า ในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง จังหวัดลพบุรี แล้วยิงพนักงานรักษาความปลอดภัยของห้างฯ อีกทั้งระหว่างก่อเหตุยังทำให้เด็กชายคนหนึ่ง และพนักงานของร้านทองเสียชีวิต และยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอาการสาหัสอีก 1 คน ก่อนชิงสร้อยคอทองคำ รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท หลบหนีไป คดีนี้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ สั่งระดมกำลังตำรวจออกล่าตัว กระทั่งชุดหนุมานกองปราบฯ ตามไปจับกุมตัวได้พร้อมของกลางที่นำไปซ่อนไว้ตามที่ต่าง ๆ 

ต่อมาตำรวจได้แจ้งข้อหาฐานฆ่าผู้อื่นฯ, พยายามฆ่าผู้อื่นฯ, ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนฯ และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ นำตัวส่งฟ้องอัยการ และศาลกระทั่งปี 2564 ศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดจริง จึงพิพากษาโทษเรียงตามกระทงความผิด ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย ซึ่งเป็นโทษสูงสุด และชดใช้สินไหมทดแทนให้กับโจทก์ร่วม 10 ราย รวมเป็นเงินกว่า 11 ล้านบาท

ส่วนในชั้นศาลอุทธรณ์ จำเลยยื่นขอลดโทษ ศาลฯ ได้ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยไม่ได้สำนึกผิดแต่แรก แต่เกิดจากจำนนต่อหลักฐาน การกระทำเป็นไปได้โดยอุกอาจ โหดเหี้ยม การชดใช้ความเสียหายหรือมีคุณความดี ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้บรรเทาโทษ จึงพิพากษายืน

ขณะที่วันนี้ (26 เม.ย.) ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการกระทำอุกอาจในที่สาธารณะ เป็นเหตุให้คนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วยเสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บสาหัส 1 คน ซึ่งโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ อีกทั้งจำเลยเป็นถึงผู้อำนวยการโรงเรียน ควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง แต่กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ที่ขอให้ศาลปราณีลดโทษให้ จึงไม่มีเหตุสมควร ที่ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์พิพากษาโทษประหารชีวิต ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น จึงพิพากษายืนให้ลงโทษประหารชีวิต