ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

จับแล้วโจรแสบยกเค้าบ้านหรู พบใช้ชีวิตอวดรวยลง TikTok

เช้านี้ที่หมอชิต - จับแล้วโจรแสบย่องเบายกเค้าบ้านหรูย่านสมุทรปราการ พบใช้ชีวิตหรูอวดรวยลง TikTok ด้านน้าสาวสุดแค้น เข้าตบหน้าสั่นขณะทำแผน

นี่เป็นวินาทีที่หญิงสาวคนหนึ่งตบหน้าผู้ต้องหาเสียงดังสนั่น ผู้ต้องหารายนี้ชื่อ นายณัฐ อายุ 23 ปี ถูกตำรวจจับกุมตัวได้ภายหลังเจ้าของบ้านหรูหลังหนึ่ง ในย่านตำบลแพรกษา อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ร้องเรียนว่าถูกโจรเข้าไปเจาะตู้เซฟภายในบ้าน กวาดเอาทรัพย์สินไปหลายรายการ โดยเฉพาะนาฬิกาหรู รวมมูลค่ากว่า 2 ล้านบาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา โดยคนร้ายอาศัยจังหวะที่เจ้าของบ้านเดินทางกลับต่างจังหวัดและไม่มีใครอยู่บ้านเข้าไปก่อเหตุ

ตำรวจใช้เวลาติดตามแกะรอยอยู่หลายวัน จนจับกุมผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุรายนี้ และนำมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุภายในบ้านของผู้เสียหาย

โดยจุดแรก พาไปชี้ที่กำแพงของโรงเรียนข้างหมู่บ้าน ที่ผู้ต้องหารายนี้ปีนข้ามมา ก่อนจะมาปีนรั้วบ้านเข้ามาก่อเหตุ งัดประตูลานเลื่อนกระจกหน้าบ้านแล้วเข้าไปในบ้านที่ชั้นสอง เพื่อสำรวจทรัพย์สินก่อนจะกลับออกไป และหาซื้อตู้เชื่อมเหล็กไฟฟ้าเพื่อย้อนกลับมาเจาะตู้เซฟขโมยทรัพย์สินแล้วหลบหนีไป โดยใช้เวลาในการทำแผนประมาณ 15 นาที จึงคุมตัวกลับโรงพักเพื่อเตรียมขอศาลฝากขังผลัดแรก

แต่ในระหว่างที่ผู้ต้องหากำลังจะขึ้นรถตำรวจ ปรากฏว่ามี นางสาวรีราวดี ชัยพร น้าสาวแท้ ๆ ของผู้ต้องหา เข้ามาตบหน้าผู้ต้องหาอย่างจัง เสียงดังฟังชัด ด้วยเหตุผลที่น้าสาวบอกว่า เจ็บใจ คิดว่าหลานชายจะกลับตัวได้หลังติดคุก แต่กลับมาก่อเหตุซ้ำอีก ที่ผ่านมาตนเองเลี้ยงผู้ต้องหารายนี้มาตั้งแต่แบเบาะ เลี้ยงดูเสมือนลูกชายอีกคน พอโตมากลับติดเกม เล่นพนันเกมส์ออนไลน์ แล้วยังเคยก่อเหตุลักทองคำในบ้านไปขายเล่นเกม ถึง 12 บาท ไปลักทรัพย์ที่บ้านพี่ชายอีก จนถูกพี่ชายจับตัวส่งตำรวจ ดำเนินคดีติดคุกหวังดัดนิสัยหลานชาย แต่พอออกจากคุกมาไม่สำนึกผิดกลับมาก่อเหตุที่นี่ซ้ำอีก

ส่วนผู้ต้องหา ให้การสารภาพว่า ลงมือก่อเหตุเพราะต้องการหาเงินไปเติมเกมพนันออนไลน์ หลังก่อเหตุเอานาฬิกาไปขายที่โรงรับจำนำย่านบางนา แล้วหลบหนีกลับไปที่บ้านเกิดที่จังหวัดนครศรีธรรมราช

ตำรวจ บอกว่า ทราบเบาะแสผู้ต้องหารายนี้จากการโพสต์คลิปลง TikTok ใช้ชีวิตอย่างหรูอวดรวยในโลกออนไลน์ จึงประสานฝ่ายสืบสวนของท้องที่เฝ้าติดตาม จนกระทั่งพบว่าผู้ต้องหารายนี้กลับที่บ้านพักจึงเข้าจับกุมตัว ซึ่งในตอนแรกผู้ต้องหาให้การภาคเสธและก็จำนนด้วยหลักฐานคือนาฬิกาแบรนเนมของผู้เสียหายซึ่งมีเลขกำกับอยู่ จึงยอมรับว่าก่อเหตุจริง ตำรวจกำลังขยายผลเพิ่มเพราะมั่นใจว่าไม่ได้ลงมือก่อเหตุที่นี่อย่างเดียว ยังมีผู้เสียหายอีก2-3 รายที่ถูกก่อเหตุในลักษณะเช่นนี้

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark