ตำรวจพา อดีตสามีแอม เกลี้ยกล่อม แอม ในเรือนจำ

ข่าวภาคค่ำ - ตำรวจนำ "อดีตสามีแอม" ไปเกลี้ยกล่อม "แอม" ใน ทัณฑสถานหญิงกลาง ให้รับสารภาพ ขณะที่เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานลงพื้นที่หาหลักฐานเพิ่ม เบื้องต้นพบหลักฐานสำคัญหลายรายการ

หลังจากช่วงเช้า ตำรวจ สภ.เมืองนครปฐม ควบคุมตัว รองผู้กำกับการ สภ.สวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี อดีตสามี "แอม ไซยาไนด์" ไปขออำนาจศาลจังหวัดนครปฐมฝากขังในความผิด 3 ข้อหา ฐานร่วมกันรับของโจร ร่วมกันปลอม และใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งเจ้าตัวได้ให้การปฏิเสธ ขณะที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้วางหลักทรัพย์เป็นเงิน 1 แสนบาท หลังพิจารณาคำร้องแล้วเห็นว่าจำเลยมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์ยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ไม่พบความเชื่อมโยงกับการฆาตกรรม และแสดงความประสงค์จะไปเกลี้ยกล่อม นางสรารัตน์ หรือ แอม "อดีตภรรยา" ให้รับสารภาพหากกระทำผิดจริง

กระทั่งประมาณ 16.00 น. พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมคณะพนักงานสืบสวนสอบสวน ได้พาตัว "อดีตสามีแอม" เข้าไปใน ทัณฑสถานหญิงกลาง เพื่อพูดคุยกับ "แอม" โดยใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะออกมาเปิดเผยว่า เบื้องต้น "แอม" ยังไม่ให้การรับสารภาพคดีฆาตกรรม แต่มีแนวโน้มดีขึ้น โดยจะขอพบญาติที่สนิทคนหนึ่งก่อน แล้วจะพิจารณาเรื่องนี้อีกที

ขณะที่ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พร้อมด้วยตำรวจภูธรภาค 7 ได้ลงพื้นที่ไปค้นหาหลักฐานเพิ่มเติมในบ้านของ "อดีตสามีแอม" เป็นครั้งที่ 2 หลังจากที่ครั้งแรกพบคราบสารพิษไซยาไนด์ในรถยนต์สีดำ เบื้องต้นพบใบเสร็จการซื้อขายทองคำ, ตั๋วรับจำนำ, แคปซูลเปล่า, ซองยาสีน้ำตาล และอื่น ๆ ที่คาดว่าเป็นประโยชน์ต่อรูปคดี จึงได้รวบรวมส่งไปตรวจผลทางนิติวิทยาศาสตร์แล้ว

ส่วนเรื่องการออกหมายจับคดีการเสียชีวิตของ นางสาว มณฑาทิพย์ หรือ ทราย ในพื้นที่ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2558 พันตำรวจเอก เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการปราบปราม เปิดเผยว่า หนึ่งในเบาะแสสำคัญ มาจากการสอบปากคำ "อดีตสามีแอม" ที่ให้ข้อมูลสำคัญมากถึง 14 หน้ากระดาษ เป็นประโยชน์ต่อแนวทางการสืบสวนในทุกคดี

โดยคดีการเสียชีวิตของ ทราย ได้ให้ข้อมูลว่า "แอม" ไปสังสรรค์กับ ผู้เสียชีวิต และเพื่อนอีก 2 คน หลังดื่มสุราจนเริ่มมีอาการมึนเมา "แอม" ได้อาสาพาเพื่อนทั้ง 2 คน ไปส่งที่พัก และอยู่สังสรรค์กับผู้เสียชีวิตต่อ นอกจากนี้ยังมีประจักษ์พยานอื่นอีก 2 คน ทำให้คดีนี้ตำรวจมีพยานอย่างน้อย 4 ปาก ที่สามารถให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีได้ อีกทั้งก่อนหน้านี้ยังได้ร่วมกับตำรวจนครบาล 5 ลงพื้นที่ไปสืบสวนสอบสวนจนได้พยานหลักฐานมาในระดับหนึ่งแล้ว ทำให้มั่นใจว่าจะเอาผิดกับผู้ต้องหาได้