ข่าวในหมวด ประเด็นเด็ด 7 สี

ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ : ไทยตุนทองคำสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย

ประเด็นเด็ด 7 สี - ประเด็นเด็ดเศรษฐกิจ วันนี้ พาคุณผู้ชม ไปติดตามประเด็น ประเทศไทย ซื้อทองคำเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศเพิ่มสูงถึง 60% บ่งบอกสัญญาณอะไรได้บ้าง ติดตามจากคุณเกณฑ์สิทธิ์ กันฑจันทร์

การที่ประเทศไทย ซื้อทองคำตุนเพิ่มมากถึง 60% ในรอบ 10 ปี ทำให้ปริมาณทองคำในประเทศ สูงมากเป็นอันดับ 2 ในเอเชีย รองจากจีน ในภาพรวมแล้วเป็นผลดี โดยเฉพาะภาพลักษณ์ต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจจากรายงานของสภาทองคำโลก พบว่า ความต้องการทองคำ เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยประเทศไทยเรา ซื้อทองคำเข้าเป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ เพิ่มมากที่สุดในเอเชีย หรือเพิ่มจาก 152.41 ตัน เป็น 244.16 ตันเมื่อสิ้นปีที่แล้ว เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 60.20% ในช่วงระยะเวลา 10 ปี และเมื่อเทียบกับอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นประเทศมีขนาดเศรษฐกิจพอๆกับไทย เท่ากับว่าไทยเรา ตุนทองคำสูงกว่าอินโดนีเซียเกือบ 3 เท่า หรือเฉลี่ย ไทยต้องการทองคำเพิ่มขึ้นปีละ 50% จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจ และแน่นอนว่า การที่เราตุนทองคำไว้ในประเทศเยอะ ๆ ย่อมส่งผลดี เพราะเป็นการสร้างเครดิต และภาพลักษณ์ให้ดูว่า ไทยเรามีความมั่นคง เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย

คราวนี้มาส่องจีนกันบ้าง จีนมีการถือครองทองคำเพิ่มขึ้นถึง 91% มากที่สุดทั้งด้านปริมาณและสัดส่วนการเพิ่มขึ้นในช่วง 10 ปี โดยจีนซื้อทองคำเป็นทุนสำรองจาก 1,694.78 ตัน เพิ่มเป็น 2,010.51 ตัน จีนเพิ่มทุนสำรองที่เป็นทองคำ เพราะต้องการลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์ และกระจายความเสี่ยงของธนาคารกลาง นักวิเคราะห์มองว่า จีนเพิ่มการถือครองทองคำมากขึ้น คือความพยายาม กระจายพอร์ตทุนสำรองที่มีดอลลาร์สหรัฐในสัดส่วนค่อนข้างสูง ซึ่งเป็นการปรับตามยุทธศาสตร์ของจีนในการลดพึ่งพาดอลลาร์ และคาดว่าแนวโน้มการเพิ่มทองคำในทุนสำรองจะยังคงดำเนินอยู่ต่อเนื่อง

มาดูญี่ปุ่น กันบ้าง ญี่ปุ่นเองซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น 10.55% จาก 765.22 ต้น เป็น 845.97 คัน,สิงคโปร์ ถือครองทองคำเพิ่ม 20.68% หรือจาก 127.4 ตัน อยู่เป็น 153.74 ตัน ส่วนมาเลเซีย แม้จะมีหลายๆอย่างที่คลายกับสิงคโปร์ แต่สำรองทองคำเพิ่มเพียง 6.84% ในช่วงเวลาเดียวกัน ส่วนไต้หวันและฟิลิปปินส์ เป็นประเทศที่ไม่ได้ซื้อทองคำมากนักในช่วงเวลาเดียวกัน เกาหลีไต้เพิ่มเพียงเล็กน้อย 0.01%

มุมมองของสภาทองคำโลก มองว่า การซื้อทองคำเป็นทุนสำรอง มาจากความต้องการในหลายส่วน ทั้งเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวหลังโควิด-19 แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ในปีนี้ แรงซื้อจากบรรดากองทุน และธนาคารกลาง ยังมีบทบาทสำคัญต่อราคาทองคำ โดยเฉพาะจากการลงทุนของกองทุน ส่วนกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องประดับและใช้ในอุตสาหกรรมยังไม่มากนัก และยังมีการคาดการณ์กันด้วยว่า ปีนี้ธนาคารกลางหลาย ๆ ประเทศจะซื้อทองคำเป็นทุนสำรองเพิ่มขึ้น แม้จะน้อยกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งการซื้อทองคำ ก็จะมีผลทำให้ราคาทองคำโลกขยับสูงขึ้น แต่การที่ประเทศไทยตุนทองคำมาก ๆ ไม่ใช่เหตุผลที่ทำให้ราคาทองคำในประเทศขยับสูงขึ้น

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark