ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

หยก ปีนรั้วเข้าโรงเรียน หลังโพสต์ถูกไล่ออก

เช้านี้ที่หมอชิต - อีกหนึ่งประเด็นร้อน และต้องถือว่าเป็นข้อถกเถียงอีกเรื่องหนึ่งของสังคมไทย คือ เครื่องแบบและอำนาจนิยมในโรงเรียน กับความตื่นตัวเรื่องสิทธิของนักเรียนควรจะเป็นแบบไหน หลัง "หยก" เยาวชนอายุ 15 ปี โพสต์ว่าถูกไล่ออกจากโรงเรียน ด้วยเหตุผลไม่ใส่เครื่องแบบและย้อมสีผมไปเรียน และในวันรุ่งขึ้น หยก พยายามเข้าโรงเรียนเพื่อไปเรียน แต่ถูกปิดประตูห้ามเข้า จึงต้องปีนรั้วเข้าโรงเรียน

หลังจากผ่านเวลาไปสักพัก หยกจึงตัดสินใจปีนรั้วเข้าไปในโรงเรียนตามภาพ

เมื่อเข้าไปได้ หยกสอบถามพนักงานรักษาความปลอดภัยโรงเรียนว่า ทำไมจึงไม่ให้เข้า ได้รับคำตอบว่า ทางผู้บริหารไม่ให้เข้า ต่อมาจึงเข้าไปคุยกับครูในห้องปกครอง อาจารย์ได้ถามว่าทำไมถึงปีนเข้ามาในโรงเรียน เดี๋ยวโรงเรียนจะเปิดประตูให้ หยกจึงบอกว่าขอเข้ามาเรียนตามปกติกับเพื่อน ก่อนที่ไลฟ์จะตัดไป

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น สืบเนื่องมาจาก 1 วันก่อนหน้า โดย หยก โพสต์เฟซบุ๊ก ประกาศว่า "โรงเรียนบอกว่าไล่เราออกแล้ว บอกว่าให้เราจำไว้ว่า ต่อไปนี้เราคือบุคคลภายนอก" จากนั้นจึงอธิบาย "วันนี้เราถูกเรียกเข้าไปคุย หลังจากเข้าคาบเรียน ครูบอกขอคุย แต่เราขอเรียนก่อน (เขาเฝ้าเราหน้าห้อง) พอเลิกเรียนเราก็ไป เขาให้เพื่อนที่เป็นหัวหน้ากับรองหัวหน้าไปด้วย เราเข้าไปมีครูที่เป็น รอง ผอ. 2 คน ครูผู้ชาย 2คน ครูประจำชั้น 2 คน ครูผู้ชายว่าเราว่าไปทำอะไรมา ทำไมถึงโดนตาม ทำไมเราถึงไม่ปลอดภัย เราขอโทรหาผู้ปกครองเรา เรากดอัดเสียง เพราะเราอยากจะแจ้งผู้ปกครองเราว่าครูทำอะไร ครูถามว่าเราไลฟ์เหรอ เราบอกว่าไม่ใช่ แต่เราบอกไปตรง ๆ ว่าเราอัดเสียง ครูผู้ชายก็พูดขึ้นมาว่า รักษาสิทธิแต่ละเมิดสิทธิคนอื่น เราถามละเมิดสิทธิคนอื่นตรงไหน เขาตอบก็อัดเสียง เรารู้สึกอึดอัด รู้สึกไม่ไหวเลยขอออก แต่ครูเขาก็ห้าม เขานั่งขวางทุกทาง เราเลยหาทางออก แต่ไม่มีทางให้ออก ข้างหลังเป็นหน้าต่าง ข้างหน้ามีโต๊ะ เราเลยเลือกที่จะคลานมุดโต๊ะออกไป สุดท้าย รอง ผอ.ผู้หญิงหนึ่งใน 2 คน บอกเราว่า จะคืนค่าเทอมให้ และครูพูดใส่เราว่า จำไว้นะว่าเธอคือบุคคลภายนอก"

จากกรณีดังกล่าวมีความเห็นแตกออกเป็นหลายฝ่าย มีทั้งเห็นด้วย ให้กำลังใจ เข้าใจแต่ท้วงติง รวมถึงไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง เช่น ความเห็นนี้ที่ให้กำลังใจ "จงเติบโตและเบ่งบานในพื้นดินที่เหมาะกับเรานะคะหยก พี่เป็นกำลังใจให้เสมอ การศึกษามีมากมายหลายมิตินะคะ"

หรือความเห็นกลาง ๆ เช่น "เป็นกำลังใจให้น้องนะครับ แต่บางอย่างน้องก็ควรซอฟท์ลง พี่ไม่สนับสนุนให้น้องพุ่งชนทุกอย่าง ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปครับ อยากให้ผู้ใหญ่ที่ใกล้ชิดน้อง แนะนำน้องให้เพลย์เซฟครับ"

ส่วนความเห็นไม่เห็นด้วยก็มี อย่างความเห็นนี้ "เราชื่นชมที่น้องต่อสู้อย่างทรหดเข้มแข็งนะ แต่อันนี้ไม่เห็นด้วยกับน้องเลย...ประชาธิปไตย กับเอาแต่ใจ นี่แค่เส้นบาง ๆ กั้นไว้เองนะ"

ล่าสุด นายปรีชา จิตรสิงห์ ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนา ลงนามในแถลงการณ์เพื่อชี้แจงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยให้เหตุผลว่า

1. น้องหยก สำเร็จการศึกษาชั้น ม.3 วันที่ 1 เม.ย.2566 มารดาของน้องหยก มาบันทึกขอเลื่อนการมอบตัวเพื่อศึกษาต่อระดับชั้น ม.4 ต่อมาวันที่ 19 พ.ค.2566 โรงเรียนได้รับรายงานตัวน้องหยกไว้ก่อน เพื่อรักษาสิทธิ์ในการศึกษาต่อ (หลังจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชนหญิงบ้านปรานี จังหวัดนครปฐม ได้ปล่อยตัวในคดี ม.112) ซึ่งในการรายงานตัวดังกล่าวไม่เป็นไปตามเงื่อนไขในการมอบตัวตามประกาศการรับนักเรียน ปีการศึกษา 2566 ซึ่งโรงเรียนอนุญาตให้นักเรียนเข้าเรียนก่อน และเน้นย้ำให้นำผู้ปกครอง (มารดา) มามอบตัวนักเรียนให้สมบูรณ์ภายในวันที่ 10 มิ.ย.2566 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายที่โรงเรียนจะต้องยืนยันข้อมูลจำนวนนักเรียนในระบบ DMC ของกระทรวงศึกษาธิการ แต่นักเรียนไม่ได้ดำเนินการ ทำให้ไม่มีฐานข้อมูลในระบบ จึงไม่ได้เป็นนักเรียนของโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ ในปีการศึกษา 2566

ส่วนเหตุผลในข้อ 2 และ 3 โรงเรียนชี้แจงว่า หยกไม่ปฏิบัติตามระเบียบ เช่น ไม่แต่งกายชุดนักเรียน การทำสีผม โดยทางโรงเรียนเน้นย้ำว่า ไม่เคยปฏิเสธการรับนักเรียนเข้าเรียน และได้ให้การดูแลตามระบบ ดูแลการช่วยเหลือนักเรียนอย่างเต็มกำลังความสามารถ ถึงแม้นักเรียนไม่ได้ให้ความร่วมมือในการปรับปรุงพฤติกรรม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark