ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

คอลัมน์หมายเลข 7 : คลี่ปมตำรวจตบทรัพย์ผู้ต้องหาเว็บไซต์พนันกว่า 140 ล้านบาท

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้ คลี่ปมร้อน ข้อกล่าวหาตำรวจกว่า 10 นาย ทุจริตต่อหน้าที่ ตบทรัพย์ผู้ต้องหาคดีเว็บฯ พนันออนไลน์ในพื้นที่จังหวัดชลบุรี คุณมะลิ แซ่ฉิ่น ติดตามเรื่องนี้ ได้ข้อมูลจากตำรวจ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าอาจเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.อุ้มหาย และล่าสุดยังพบเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงไปยังเซียนพระชื่อดังอีกด้วย

ต้องถูกรีดทรัพย์ขนาดไหน ถึงทำให้ นายเป้ เจ้าของเว็บฯ พนันออนไลน์ อดรนทนไม่ได้ ร้องทุกข์กล่าวโทษว่า ถูกอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี กับพวกมากกว่า 10 นาย เรียกรับเงิน โดยจากการให้ปากคำของนายเป้กับพวก พบว่ามีการตบทรัพย์มากกว่า 140 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัว

สำหรับพฤติกรรมทุจริตต่อหน้าที่ เริ่มจากออกหมายจับ เข้าบุกค้น จับกุม ซึ่งก็ไม่ปฏิบัติตามกฎหมายเรื่องการควบคุมตัวที่ต้องจับกุมไว้ที่สถานีตำรวจ แต่กลับนำตัวผู้ต้องหาไปที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรี นำไปสู่ข้อสงสัย เรียกไปต่อรอง จนนำไปสู่วลี "เป้รักผู้การเท่าไร เป้เขียนมา"

อีกทั้งยังปรากฏหลักฐานว่ามีการตระเตรียมเพิกถอนหมายจับนายเป้ไว้ด้วย และล่าสุดผลตรวจสอบเส้นทางการเงินที่ได้จากการเรียกรับทรัพย์ ยังเชื่อมโยงไปหาเซียนพระ อักษรย่อ ต. ด้วย

การบุกค้น จับกุม ที่ยังเป็นปริศนาว่าทำถูกกฎหมายหรือไม่ ไม่ได้มีแค่ตำรวจภูธรจังหวัดชลบุรีเท่านั้น แต่ยังมีตำรวจอีกหน่วยหนึ่งเข้าไปมีส่วนร่วมด้วย จนรองผู้บังคับการ สอท. เจ้าของลายเซ็น ผู้ได้รับอนุญาตจากศาลให้เป็นผู้ดำเนินการตรวจค้นและจับกุม และสารวัตรที่ร่วมปฏิบัติการครั้งนี้ ถูกตั้งคำถามว่ามีส่วนร่วมในขบวนการตบทรัพย์ครั้งนี้ด้วยหรือไม่ แต่ทั้ง 2 คน ยืนยันความบริสุทธิ์ พร้อมกับนำเอกสารการขอความร่วมมือร่วมปฏิบัติการตรวจค้นเป้าหมาย และคลิปภาพขณะปฏิบัติงานที่ถ่ายจากมือถือมาแสดง ยืนยันกระบวนการทำงานว่าเป็นไปตามขั้นตอนและโปร่งใส แต่อีกด้านหนึ่งก็มีข้อสังเกตว่า เหตุใดเจ้าหน้าที่ซึ่งเกินกว่าครึ่งเป็นของ สอท. จึงทำการรื้อค้นทรัพย์สินเปิดตู้เซฟและถามหาทรัพย์สินจากบ้านหลังอื่นของผู้ต้องหา ทั้งที่ให้ข้อมูลว่าได้รับการประสานเพื่อทำหน้าที่ในการตรวจเก็บหลักฐานทางอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

เรื่องอื้อฉาวในแวดวงสีกากีครั้งนี้ นอกจากมีการใช้ตำแหน่งหน้าที่แสวงหาประโยชน์โดยมิชอบ พฤติการณ์แห่งคดี ยังชี้ด้วยว่า แนวการปฏิบัติของตำรวจระหว่างการเข้าจับกุมมีปัญหาที่อาจเข้าข่ายทำผิด พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานฯ หรือ พ.ร.บ.อุ้มหาย เพราะนอกจากมีการตัดสายกล้องวงจรปิด ยังไม่มีการบันทึกภาพระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ ตามที่กฎหมายกำหนด ยังมีข้อมูลจากการให้ปากคำของนายเป้ ว่าแก๊งตำรวจตบทรัพย์ นำคลิปภาพการกระทำผิดของเขาไปเปิดให้คนในครอบครัวดู จนกระทั่งเส้นเลือดในสมองแตก หวังกดดันให้เขารับสารภาพและยอมจ่ายเงิน โดยเหตุการณ์นี้ทำให้พ่อของเขาต้องมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าชายนิทรา

การทุจริตต่อหน้าที่เรียกรับผลประโยชน์จากผู้ถือกฎหมาย โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งถือเป็นกระบวนการยุติธรรมตั้งต้น ถูกตีแผ่ออกมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง แต่เราก็ยังเห็นการกระทำผิดในลักษณะเดิมซ้ำ ๆ ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาประโยชน์ในทางมิชอบ ทำให้กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นบิดเบี้ยว และเชื่อว่าคดีนี้คงไม่ใช่คดีสุดท้าย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark