ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

คอลัมน์หมายเลข 7 : พิรุธ นายทุนลอบขุดทรายซ้ำ หลังถูกแจ้งความ จ.นราธิวาส

ข่าวภาคค่ำ - ปัญหาการลักลอบขุดทราย กลายเป็นปัญหาใหญ่ของจังหวัดนราธิวาส ทำให้คลองสาธารณะได้รับผลกระทบ ตลิ่งทรุด ทางน้ำเปลี่ยน อีกทั้งบางจุด ถูกแจ้งความดำเนินคดีไปแล้ว แต่กลับมีการเข้าไปขุดทรายซ้ำอีก โดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย ติดตามจากคุณอรรถพล ดวงจินดา

เป็นสภาพความเสียหายของร่องน้ำ ในคลองจือบอ หมู่ที่ 2 บ้านบาลูกายาอิง ตำบลร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นคลองสาธารณะ ที่ถูกผู้ประกอบการ นำรถแบ็กโฮเข้าไปลักลอบขุดทรายโดยไม่ได้รับอนุญาต กลายเป็นสันดอนกลางน้ำ จนชาวบ้านในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ทั้งการสัญจรบนถนน น้ำกัดเซาะตลิ่ง รวมถึงการเปลี่ยนแปลงเส้นทางของน้ำ

โดยก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ เขต 9 ได้ร่วมกับฝ่ายความมั่นคง สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานราธิวาส และหัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ นธ.5 (แว้ง-สุคิริน) เข้าตรวจสอบและแจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ต่อพนักงานสอบสวน สภ.สุคิริน ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 กรณีลักลอบขุดทราย เมื่อวันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา

ทว่าคล้อยหลังไม่ถึง 1 เดือน กลับพบเรื่องร้องเรียนว่า มีผู้ประกอบการกลับเข้าไปลักลอบเข้าขุดทรายในพื้นที่เดิมอีก ซึ่งเป็นลักษณะการเข้าลักลอบขุดทรายในช่วงเย็นและค่ำ เพื่อเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่

ล่าสุด เจ้าหน้าที่ ปปท. เขต 9 สนธิเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ DSI และเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้าตรวจสอบพื้นที่เดิมอีกครั้ง พบร่องรอยการลักลอบขุดทราย โดยมีการเคลื่อนย้ายรถแบ็กโฮ และรถบรรทุกออกไป ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปถึง สังเกตได้จากร่องรอยการขุด กองทรายที่ขุดขึ้นใหม่ และพื้นดิน รวมถึงสันดอนทรายที่มีการขุดขึ้นมากลางน้ำ และรอยตีนตะขาบของรถแบ็กโฮซึ่งเป็นร่องรอยใหม่

ข้อมูลของ ปปท. ยังระบุว่า การลักลอบขุดทรายจุดนี้ เป็นของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ที่ลักลอบขุดทรายในพื้นที่มาไม่ต่ำกว่า 1 ปี แม้จะอยู่ใกล้ชุมชน และหลังมัสยิดเพียง 50 เมตร ซึ่งการเข้าตรวจสอบในครั้งนี้ ก็เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดซ้ำ และกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีที่เกี่ยวข้องกับผู้กระทำความผิด

คอลัมน์หมายเลข 7 ตรวจสอบข้อมูล ยังพบว่า ในจังหวัดนราธิวาส มีผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตทำการดูด ตักทรายในที่ดินของรัฐ ตามความในมาตรา 9 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเพื่อประกอบกิจการดูดทราย ทั้งจากกรมที่ดิน กรมเจ้าท่า กรมป่าไม้ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงคณะกรรมการจังหวัดที่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส เป็นประธาน ถูกต้องเพียง 2 รายเท่านั้น ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอศรีสาคร และอำเภอรือเสาะ ขณะที่ความต้องการทรายในการก่อสร้างยังเป็นที่ต้องการ โดยเฉพาะทรายน้ำจืดในพื้นที่ ซึ่งเป็นทรายคุณภาพ จึงมีอัตราการซื้อขายในพื้นที่ราคาคิวละ 800-1,000 บาท

เบื้องต้น เจ้าหน้าที่เร่งรัดให้พนักงานสอบสวน สภ.สุคิริน ดำเนินการในคดีเดิมที่แจ้งไว้ในข้อหากับผู้กระทำผิด ทั้งความผิดกฎหมายป่าไม้ ตาม พรบ.ป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และความผิดตาม พรบ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 120 เพื่อป้องกันความเสียหาย และผลกระทบต่อระบบทางเดินน้ำและการพังทลายของตลิ่ง อันจะสร้างความเสียหายต่อส่วนรวม

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark