คอลัมน์หมายเลข 7 : แฉ ตำรวจ ตม. เรียกรับเงินช่วยเรื่องประกันตัว

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้ มีข้อมูลการแฉพฤติกรรมตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู เรียกรับเงิน 500,000 บาท กับทนายความของผู้ต้องหาคนหนึ่ง เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกช่วยให้ประกันตัวในชั้นสอบสวน ติดตามจากรายงาน คุณไพศาล รัตนบรรเทิง

นี่เป็นคลิปเสียงสนทนาที่ นายกฤษ เนติธรรมภรณ์ ทนายความ พร้อมภรรยาของผู้ต้องหาชาวคาซัคสถาน นำมาแสดงเป็นหลักฐานกับคอลัมน์หมายเลข 7 โดยพาดพิงถึงพฤติกรรมการเรียกรับเงินของตำรวจตรวจคนเข้าเมือง เพื่อแลกกับการช่วยอำนวยความสะดวกช่วยประกันตัวในชั้นสอบสวน พร้อมกับภาพถ่ายเงินสด 1 ล้านบาท  ขณะไปถอนจากธนาคารแห่งหนึ่ง หน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู ก่อนนำไปจ่ายตำรวจ "ยศร้อยตำรวจเอก" นายหนึ่ง

ภรรยาผู้ต้องหาชาวคาซัคสถาน เล่าว่า สามีของเธอถูกตำรวจเกาะสมุย จับกุมเมื่อปีที่ผ่านมา ในข้อหาร่วมกับก่อเหตุปล้นทรัพย์เพื่อนชาติเดียวกัน ต่อมาก็ถูกตำรวจเมืองพัทยา จับกุมในข้อหาจัดตั้งบริษัทนอมินี ซึ่งทั้ง 2 คดี ให้ทนายความ ยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัวออกมาต่อสู้คดี ทั้งจากศาลจังหวัดเกาะสมุย วงเงิน 500,000 บาท และศาลจังหวัดพัทยา 300,000 บาท แต่ต่อมากลับถูกตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ซอยสวนพลู อายัดตัวไปคุมขังไว้ จึงพยายามขอประกันตัวออกมาสู้คดีอีก เพราะยืนยันไม่ใช่ผู้ก่อเหตุ จนสุดท้ายตำรวจให้วางเงินค้ำประกัน 500,000 บาท และขอค่าดำเนินการ หรือเงินใต้โต๊ะอีก 500,000 บาท ในชั้นสอบสวน

ใบรายงานตัวกับพนักงานสอบสวนตามนัดทุก ๆ เดือน หลังได้รับการประกันตัว เป็นอีกหนึ่งหลักฐานที่ถูกนำแสดงถึงความบริสุทธิ์ในการต่อสู้คดี และยืนยันว่าไมได้คิดจะหลบหนี เพราะครอบครัวมีธุรกิจอยู่ที่ประเทศไทย และอยู่อาศัยในเมืองไทยมาเกือบ 20 ปี จึงอยากขอความเป็นธรรมในการต่อสู้คดี

ด้านทนายความตั้งข้อสังเกตกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง กรณีการขอถอนประกันตัวผู้ต้องหา เจ้าพนักงานมีอำนาจในการยกเลิกเองได้เลยโดยไม่ต้องผ่านคณะกรรมการ อย่างเช่น ปลัดกระทรวงมหาดไทย หรือไม่

เวลานี้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มีคำสั่งให้ตรวจสอบกรณีที่เกิดขึ้นแล้ว ขณะที่กองกำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ออกหนังสือชี้แจงสาเหตุการถอนประกันตัว เนื่องจากได้รับข้อมูลว่าผู้ต้องหามีความเกี่ยวข้องกับเครือข่าย การกระทำผิดข้อหา พยายามฆ่าผู้อื่นในจังหวัดภูเก็ต ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเป็นภัยต่อสังคม 

เรื่องราวพฤติกรรมการเรียกรับเงินของตำรวจ เพื่อแลกกับการช่วยปล่อยตัวชั่วคราว เป็นอีกหนึ่งเรื่องฉาวที่เชื่อว่าน่าจะยังมีอีกไม่น้อย ซึ่งหลังจากนี้ผู้บังคับบัญชา ต้องลงมาตรวจสอบ และคุมเข้มไม่ให้ลูกน้องกลายเป็นผู้รีดไถ ไม่อยู่เคียงคู่ประชาชน