ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

แม่ร้องลูกสาวตายปริศนา เชื่อฝีมือลูกเขยวางยา จ.ชุมพร

เช้านี้ที่หมอชิต - แม่ร้องปวีณา ลูกสาวตายปริศนา หลังแพทย์พบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย เรียกร้องตารวจสืบสวนหาความจริงว่า เป็นฝีมือลูกเขยวางยาลูกสาวตัวเองหรือไม่

นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี พานางจี (นามสมมุติ) อายุ 50 ปี เดินทางมายังสถานีตำรวจภูธรเมืองชุมพร เพื่อให้ปากคำในคดีที่ นางสาวเอิบอร อายุ 30 ปี ลูกสาว เสียชีวิตปริศนา หลังแพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย จึงคาดว่าอาจเกิดจากการถูกวางยา จึงให้เจ้าหน้าที่อายัดศพไว้ เพื่อตรวจสอบสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง

นางจี ผู้เป็นแม่ เล่าว่า เมื่อวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้รับโทรศัพท์จากโรงพยาบาลในจังหวัดชุมพร แจ้งว่าลูกสาวเข้ารับการรักษาตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน เพราะมีอาการชักเกร็ง หัวใจทำงานผิดปกติ แพทย์ตรวจพบสารปรอท สังกะสี และสารหนูในร่างกาย

โดยมี นายบี สามีลูกสาวเฝ้าตลอดเวลา ซึ่งนายบีบอกกับโรงพยาบาลว่า ภรรยาและครอบครัวภรรยามักจะกินสารปรอท เพราะเชื่อว่าป้องกันโรคมะเร็งได้ แต่ต่อมาลูกสาวบอกว่าเรื่องดังกล่าวไม่เป็นความจริง ไม่เคยหาสารปรอทมากินเอง

แม่บอกว่า เมื่อปี 65 ลูกสาวสืบทราบว่า นายบี มีหญิงอื่น จึงได้มีการฟ้องร้อง ต่อมานายบี ขอเจรจาจ่ายเงินจนถอนฟ้อง หลังจากมีเรื่องฟ้องร้อง ลูกสาวก็ไม่สบายเรื่อยมา

ต่อมา นางปวีณา พร้อมนางจี เดินทางมายังโรงพยาบาลชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ซึ่งเป็นสถานที่ลูกสาวได้มาเสียชีวิต เพื่อขอข้อมูล เบื้องต้นแพทย์ที่รักษา บอกว่า หัวใจเต้นผิดปกติ มีการติดเชื้อในช่องท้อง และมีเกล็ดเลือดแดงต่ำ มีอาการชักเกร็ง แพทย์รักษาเต็มความสามารถ แต่ก็เสียชีวิตในที่สุด

ด้านพลตำรวจตรี จารุต ศรุตยาพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชุมพร บอกว่า ขณะนี้ตำรวจรอเพียงผลชันสูตร หากพบว่าสารในร่างกายนั้นเป็นสารพิษจริง และมีพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะออกหมายจับผู้ต้องสงสัยได้ทันที คาดอีก 2 วันคงจะรู้ผล

ผู้สื่อข่าวพูดคุยกับ นายบี สามีผู้ตายที่มาให้ปากคำกับตำรวจเพิ่มเติม บอกว่า ที่ผ่านมาพาภรรยาไปรักษาและดูแลใกล้ชิด ซึ่งตนได้รับทราบจากพยาบาลที่ดูแลว่า ภรรยาหยิบสิ่งของที่ไม่ใช่ของกิน เก็บมากินบ่อยครั้ง เช่น ยากันยุง ไส้ดินสอ แม้แต่ขยะในถังขยะ อีกทั้งภรรยายังมีโรคเกี่ยวกับจิตเวชอีกด้วย เชื่อว่าฝั่งญาติภรรยาคิดว่าเงินประกันของลูกสาวตนเองที่ทำไว้ น่าจะมีวงเงินสูงกว่า 30 ล้านบาท แต่ความจริงมีเพียง 150,000 บาท และผู้ได้รับผลประโยชน์ก็คือ ลูกชายเพียงคนเดียว

ขณะที่ แม่ของนายบี ไม่เชื่อว่าลูกจะวางยาฆ่าภรรยาตัวเอง เพราะลูกชายรักภรรยามาก ไม่เข้าใจทำไมแม่ของลูกสะใภ้จึงคิดได้แบบนี้ ทั้งที่แทบจะไม่เคยมาเยี่ยมลูกชายกับลูกสะใภ้เลย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark