ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.

ข่าวภาคค่ำ - สส. ขั้วรัฐบาลเก่า ผนึกเสียง สว. งัดข้อบังคับการประชุม ปิดทางเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ โหวตนายกรัฐมนตรีรอบ 2 ขณะที่นายพิธา กล่าวอำลาสภาฯ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. 

ศาลรัฐธรรมนูญสั่ง พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.
ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์รับคำร้องของ กกต. ที่ขอให้วินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็น สส. ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล ต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ จากกรณีถือครองหุ้นไอทีวี ไว้พิจารณา พร้อมกัับมีมติเสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 เสียง สั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. นับตั้งแต่วันนี้ จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยชี้ขาด โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ส่งเอกสารคำสั่งไปยังรัฐสภา และประธานรัฐสภาแจ้งว่า เหลือสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ได้รวม 748 คน

หลังได้รับเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ นายพิธา ได้ลุกขึ้นกล่าวกลางห้องประชุมว่า ยินดีปฏิบัติตามคำสั่งศาล และขออำลาประธาน และสมาชิกทุกคน พร้อมฝากเพื่อนสมาชิก ใช้รัฐสภาดูแลประชาชน ซึ่งเมื่อนายพิธา พูดจบ สมาชิกต่างปรบมือให้กำลังใจ และบางคนถึงกับร่ำไห้

มติเสียงข้างมากรัฐสภา ปิดทางเสนอชื่อ "พิธา" โหวตนายกฯ รอบ 2
แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. แต่นายพิธายังถูกเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพราะนายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องเป็น สส. แต่ในการประชุมรัฐสภาวันนี้ ก็ต้องจบลง โดยไม่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีข้อโต้แย้งว่า การประชุมเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล ได้เสนอชื่อนายพิธา ให้ที่ประชุมลงมติเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว และไม่ผ่านความเห็นชอบไปแล้ว ดังนั้นจะเสนอชื่อนายพิธาเข้ามาอีกไม่ได้ เพราะจะขัดข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 41 ที่กำหนดว่าญัตติใดถูกตีตกไปแล้ว จะนำมาพิจารณาอีก ในสมัยประชุมเดียวกันไม่ได้

ทั้งนี้ ที่ประชุมใช้เวลาอภิปรายนานกว่า 8 ชั่วโมง จึงลงมติในข้อถกเถียงดังกล่าว ปรากฏว่า เสียงข้างมากเห็นว่าการเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาพิจารณาเป็นนายกรัฐมนตรี ถือเป็นญัตติ ดังนั้นเมื่อญัตติดังกล่าวถูกตีตกไปแล้ว จะเสนอชื่อซ้ำอีกไม่ได้ ซึ่งเสียงส่วนใหญ่ที่ลงมตินี้ คือเสียงของ สว. และ สส. พรรคร่วมรัฐบาลเดิม ทำให้การประชุมต้องจบลง และจะกำหนดวันประชุมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีอีกครั้งในสัปดาห์หน้า

แกนนำพรรคก้าวไกลพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผลการลงมติวันนี้ ไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมาย ซึ่งหลังจากนี้จะหารือถึงทิศทางการทำงานของพรรค ก่อนจะแถลงท่าทีอย่างเป็นทางการต่อไป ขณะเดียวกัน เตรียมจะยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ข้อบังคับการประชุมข้อที่ 41 เพราะเห็นว่าญัตติเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ญัตติทั่วไป ดังนั้น การยกข้อบังคับการประชุมดังกล่าวมา อาจขัดต่อรัฐธรรมนูญ

หวั่นตั้งรัฐบาลช้าเกิน ส.ค.66 ส่งออกติดลบ 2.5 %
ด้านนายอัทธ์ พิศาลวานิช  ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมิน หากสามารถจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ภายในเดือนสิงหาคม 2566 คาดว่าการส่งออกของไทยจะติดลบ 1.2% แต่หากยืดเยื้อเกินกว่านี้ คาดว่าจะหดตัวถึง 2.5%

ผู้ว่า ธปท. มองการชุมนุมไม่กระทบเศรษฐกิจ
ด้านนายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. มองว่า หากการชุมนุมทางการเมือง ไม่กระทบภาคการท่องเที่ยว ก็จะไม่กระทบเศรษฐกิจ การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะทำให้งบประมาณด้านการลงทุนล่าช้าไปประมาณ 3 เดือน ดังนั้นจะไม่กระทบเศรษฐกิจในปีนี้ แต่อาจจะไปกระทบเศรษฐกิจในปีหน้า

ส่วนตลาดหุ้นไทยวันนี้ เคลื่อนไหวในแดนบวก ปิดตลาดที่ 1,536.64 จุด หรือบวกไป 1.34 จุด มูลค่าซื้อขายอยู่ที่กว่า 51,751 ล้านบาท

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark