คอลัมน์หมายเลข 7 : ตรวจสอบ จนท.ปล่อยรีสอร์ตรุกล้ำอ่างเก็บน้ำห้วยสำราญ

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้เร่งตรวจสอบ นายทุนผู้บุกรุก สร้างรีสอร์ตรุกล้ำอ่างเก็บน้ำห้วยสำราญ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดี เนื่องจากกังวลในข้อกฎหมาย คุณจิรเมธ กลับวงษ์ ลงพื้นที่ตรวจสอบเรื่องนี้ มีรายงาน

รีสอร์ตพักแรมที่ด้านหน้าเป็นลานกางเต็นท์ กับร้านอาหารวิวสวยตระการตา บริเวณริมอ่างเก็บน้ำห้วยสำราญ ตำบลไพรพัฒนา อำเภอภูสิงห์ จังหวัดศรีสะเกษ ที่เห็นอยู่นี้ หากจะมองแต่ภายนอก คงดูเป็นสถานที่ที่น่าพักผ่อนหย่อนใจ แต่แท้จริงแล้ว สร้างรุกล้ำหมุดหลักเขตที่กรมชลประทานได้ปักเอาไว้ เมื่อปี 2563 โดยมีเจ้าของพื้นที่คือกรมป่าไม้ และช่องโหว่ ส่วนหนึ่งมาจากการที่หลักเขตถูกนำมาปักช้า เป็นเหตุให้นายทุน หยิบยกมาใช้เป็นข้ออ้าง เพื่อแสวงหาผลกำไรเข้ากระเป๋าตนเอง

คอลัมน์หมายเลข 7 ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ร่วมกับ สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดศรีสะเกษ เบื้องต้นพบว่า ความผิดตรงหน้าชัดเจนเกินกว่าจะมีข้อโต้แย้ง เสมือนนายทุนมองไม่เห็นหลักเขตที่ปักเอาไว้ โดย ป.ป.ช. ได้ตั้งข้อสังเกตว่าเพราะเหตุใด หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงไม่สั่งระงับการใช้พื้นที่

จากข้อมูลยังพบว่า ปัจจุบันสัญญาเช่าพื้นที่บริหารจัดการน้ำกับกรมป่าไม้ ได้หมดลงไปแล้ว ตั้งแต่ปี 2564 โดยขณะนี้ ยังอยู่ระหว่างการยืดระยะสัญญา ความคลุมเครือดังกล่าว จึงกลายเป็นคำถามสำคัญว่าหน่วยงานใดกันแน่ ที่ควรเข้าไปดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บุกรุก

อีกประเด็นสงสัย คือระหว่างที่นายทุนกับชาวบ้านกำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่นั้น เหตุใดจึงไม่มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปตักเตือน เพราะสุดท้ายสายตาที่จับจ้อง จะมองว่าเจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลย และหละหลวมเกินไปหรือไม่

คอลัมน์หมายเลข 7 โทรศัพท์สอบถามไปยังเจ้าของรีสอร์ต และร้านอาหาร ให้ข้อมูลอีกด้านว่า ได้ซื้อที่ดินพร้อมร้านอาหารมาจากตำรวจนายหนึ่ง ซึ่งในขณะนั้นตนเอง ยังไม่เห็นหลักเขตที่ปักเอาไว้ แต่ยืนยันหากผิดจริง พร้อมรื้ออาคารออกโดยทันที

อย่างไรก็ตามล่าสุดมีคำสั่งจากจังหวัดศรีสะเกษ ให้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อย ซึ่งมีนายอำเภอภูสิงห์เป็นประธาน เพื่อดำเนินการกับผู้บุกรุก เช่นเดียว ป.ป.ช. ประจำจังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะนำเรื่องดังกล่าวเข้าคณะทำงานเพื่อติดตามผลการดำเนินการและตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ต่อไป