มติผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอศาล รธน. ชะลอโหวตนายกฯ

ข่าวภาคค่ำ - ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ กรณีข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ที่เสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ พร้อมขอให้มีคำสั่งชะลอการเลือกนายกรัฐมนตรีออกไปก่อน จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย

มติผู้ตรวจการแผ่นดิน ขอศาล รธน. ชะลอโหวตนายกฯ
ผู้ตรวจการแผ่นดิน มีมติยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า การที่เสียงข้างมากของรัฐสภา ลงมติว่า การเสนอชื่อบุคคลให้รัฐสภาเห็นชอบ เพื่อแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีถือเป็น "ญัตติ" และนำข้อบังคับการประชุม ข้อที่ 41 มากล่าวอ้าง ทำให้ไม่สามารถเสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้นั้น เป็นการดำเนินการที่ทำให้กระบวนการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี ไม่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และขอให้วินิจฉัยว่า การกระทำของรัฐสภา ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพของสมาชิกรัฐสภาและประชาชนหรือไม่

พร้อมกันนี้ ยังขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้รัฐสภา ชะลอการดำเนินการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีไว้ก่อน จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีข้อวินิจฉัย ทั้งนี้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่ยากแก่การเยียวยาในภายหลัง

8 พรรคประชุมพรุ่งนี้ สรุปเสียงสนับสนุนโหวตนายกฯ
ส่วนความคืบหน้าในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีให้ที่ประชุมรัฐสภาพิจารณาลงมติ ในวันที่ 27 กรกฎาคมนั้น นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุม 8 พรรคที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาล วันพรุ่งนี้ จะนำผลการเจรจาเบื้องต้นกับ สส. และ สว. แจ้งให้ที่ประชุมรับทราบ ส่วนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี จะเลื่อนออกไปหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับประธานรัฐสภาจะเป็นผู้พิจารณา ซึ่งตามปกติจะต้องแจ้งล่วงหน้ากับสมาชิก 3 วัน เว้นแต่เป็นกรณีเร่งด่วน สามารถแจ้งล่วงหน้าได้ภายใน 1 วัน

มติ ก้าวไกล ไม่ร่วมรัฐบาล พปชร. - รทสช. 
ขณะที่ มติของที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล ยืนยัน จะไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยจะทำตามเจตจำนงของประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่ต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล และจะเดินหน้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับ 8 พรรค ที่ลงนามเอ็มโอยูร่วมกัน

ท่าที สว. ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี
ส่วนท่าทีของ สว. ต่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ทั้ง นายเสรี สุวรรณภานนท์ และ นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ต่างเห็นว่า ถ้าไม่มีพรรคก้าวไกลในการร่วมรัฐบาล ก็พร้อมโหวตสนับสนุนแคนดิเดตจากพรรคการเมืองที่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

ขณะที่ นายอนุสิษฐ คุณากร และ นายวันชัย สอนศิริ ระบุว่า การเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ ซึ่งผู้ที่จะมาทำงานให้ประเทศชาติ ต้องทำหน้าที่ได้ทั้งในฐานะฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน