ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

มรสุมรุมก้าวไกล

เช้านี้ที่หมอชิต - ไม่รู้เป็นช่วงโดนราหูอมหรือเปล่าสำหรับก้าวไกลเวลานี้ เพราะแทนที่จะได้ตั้งรัฐบาลหลังชนะการเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง กลับกลายเป็นต้องดิ้นรนท่ามกลางมรสุมที่ถาโถมเข้าใส่ ทั้งเกม การเมือง สส.พรรค ตัวคุณพิธา หรือแม้แต่พรรคเองที่โดนคดีแล้วคดีเล่า จากพรรคกระแสสูงสู่สถานการณ์ดิ้นรนเอาตัวรอด เราจะพาไปส่องสถานการณ์ก้าวไกลวันนี้กันหน่อย

เริ่มจากล่าสุด หลัง พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พูดพาดพิงถึง นายนครชัย ขุนณรงค์ สส. เขต 3 จังหวัดระยอง พรรคก้าวไกลว่า เป็นอดีตนักโทษเคยติดคุก ไม่มีคุณสมบัติ สส.ต้องเอาออกนั้น ทาง นายนครชัย ได้ออกมายอมรับว่าเคยติดคุกจริงเมื่อ 24 ปีก่อน ตอนนั้นอายุ 20 ปี แต่ยืนยันว่าไม่ขาดคุณสมบัติ เพราะข้อหาที่ติดคุกไม่ใช่ฐานความผิดที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ เป็นกรณีเนื่องมาจากถูกจับกุมขณะสังสรรค์กับเพื่อน เนื่องจากเพื่อนคนหนึ่งขโมยนาฬิกามา ซึ่งตนถูกนำตัวไปโรงพัก ตำรวจให้เซ็นเอกสารโดยบอกว่าเรื่องจะได้จบ ๆ แต่มาทราบทีหลังว่าเอกสารที่เซ็นไปคือเอกสารยอมรับสารภาพ แม้เพื่อนจะบอกว่าตนไม่เกี่ยวข้อง แต่สุดท้ายถูกตัดสินจำคุก 1 ปี 6 เดือน ได้รับโทษตามนั้น และออกมาประกอบอาชีพสุจริตมาโดยตลอด อย่างไรก็ตาม เพื่อความสง่างามในการดำรงตำแหน่ง นายณรงค์ชัย ได้ประกาศลาออกจากการเป็น สส. ทางพรรคยืนยันว่าจะมีการตรวจสอบ เช่นเดียวกับทาง กกต.ที่ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบเช่นกัน

ก่อนหน้านี้ก็มี นายสิริน สงวนสิน สส.กรุงเทพฯ พรรคก้าวไกล ถูกแจ้งความดำเนินคดีว่าทำร้ายร่างกายแฟนสาว แม้ภายหลังจะเคลียร์กันได้ โดยฝ่ายแฟนสาวชี้แจงว่ารอยช้ำต่าง ๆ มาจากการยื้อแย่งโทรศัพท์กันจึงถอนแจ้งความ แต่ในส่วนโทษทางวินัยของพรรคยังคงรอผู้บริหารพรรคตัดสิน

และอีกหนึ่งอดีต สส. ที่ต้องหลุดไปก่อนได้เข้าสภา ก็คือ คุณณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ ที่ถูกตำรวจดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับ ในวันต่อมาเจ้าตัวน้อมรับผิดแล้วประกาศลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบทันที

เฉพาะลูกพรรค ราหูอมเข้าไปแล้ว 3 แต่ตัวคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคเอง ก็เผชิญต้องฝ่ามรสุมไม่น้อย เพราะถึงแม้จะชนะเลือกตั้งมาถึง 14 ล้านเสียง รวมเสียง สส.ในสภาได้ถึง 312 เสียง แต่ดูเหมือนพรรคก้าวไกลจะไม่ได้อะไรเลย ทั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และเก้าอี้ประธานสภา โดยประธานสภา หลังต่อรองกับพรรคอันดับสองอยู่พักใหญ่ สุดท้ายเก้าอี้ตัวนี้ก็ตกไปเป็นของพรรคอันดับ 3 คือ นายวันมูฮัมหมัดนอร์ มะทา

ส่วนเก้าอี้นายกรัฐมนตรี อยู่ดี ๆ ก็ต้องยกให้พรรคอันดับ 2 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลแทน เนื่องจากในวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา คุณพิธา เหมือนโดนฟันพร้อมกัน 2 ชั้น ทั้งจากศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่จากคดีหุ้นสื่อไอทีวี ส่วนในทางสภาเสียงข้างมากลงมติให้เรื่องการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นญัตติ ตามข้อบังคับสภา ข้อ 41 จึงเสนอชื่อ คุณพิธา ซ้ำไม่ได้ ต้องส่งไม้ต่อไปให้พรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลต่อ

ขณะเดียวกัน แม้แต่อดีตแกนนำอย่าง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็กำลังเจอวิกฤตความเชื่อมั่นจากแฟนคลับเหมือนกัน หลังมีข่าวบินไปดีล ทักษิณ หลายฝ่ายสงสัยว่าจะเป็นเรื่องจริงเหมือนครั้งที่เคยไปดีล บิ๊กแดง ไม่ให้ยุบพรรคอนาคตใหม่หรือไม่ ครั้งนี้เอาเงื่อนไขไม่แก้ ม.112 ไปคุยด้วยหรือเปล่า นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สังคมกำลังคาใจกับจังหวะก้าวของก้าวไกลตอนนี้มาก ๆ

แต่ที่อาจหนักไปกว่านั้น คือกรณีที่ นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีที่ คุณพิธา และพรรคก้าวไกล นำการแก้ไข ม. 112 เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องแล้ว ซึ่งโทษของคดีนี้อาจศาลรัฐธรรมนูญมองว่าผิดก็อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นำไปสู่การยุบพรรคได้

จากบรรยากาศหลังเลือกตั้ง ที่มีการลง MOU 8 พรรคชื่นมื่น ถึงวันนี้ช่างดูโดดเดี่ยว โดยเฉพาะสถานการณ์ในสภาและคดีต่าง ๆ ที่อยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญตอนนี้ก็ช่างไม่เป็นใจกับก้าวไกลเสียเหลือเกิน

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark