คอลัมน์หมายเลข 7 : ปิดฉากพฤติกรรมฉ้อฉล จีนเช่าวัดไทยหลอกทัวร์จีน

ข่าวภาคค่ำ - คอลัมน์หมายเลข 7 วันนี้ ปิดฉากกลโกง สรุปพฤติกรรมฉ้อฉล ทุนจีนเช่าวัดไทยหลอกขายพระปลอมให้กับทัวร์จีน ซึ่งงานนี้มีเจ้าอาวาสวัดถูกแจ้งข้อหาละเว้นการปฎิบัติหน้าที่และเรียกรับประโยชน์ ต้องต่อสู้คดีกันยาว ติดตามจากรายงานของ คุณมะลิ แซ่ฉิ่น

นี่เป็นเอกสารการเช่าวัดที่หญิงไทยคนนึงจัดทำกับวัดเขาชีจรรย์ จังหวัดชลบุรี ซึ่งหากมองผิวเผิน อาจจะดูเหมือนไม่ได้ผิดปกติสัญญาการเช่าใด ๆ แต่ปัญหาติดอยู่ที่ตรงเงื่อนไข และเงิน ที่ไม่เข้าสู่ระบบตามระเบียบ ซึ่งรักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา บอกว่า มีพิรุธ ขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการสอบสวนเจตนา ส่วนในแง่ของคดีอาญา ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

จุดเริ่มต้นของคดีนี้ เกิดขึ้นหลังจากตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดชลบุรี ได้รับเบาะแสว่ามีกลุ่มคนจีนสวมชุดขาว ทำตัวเสมือนพระยืนขายวัตถุมงคลในวัดให้กับกลุ่มทัวร์จีน กระทั่งนำไปสู่การร้องเรียน และมีการโพสต์ประจานในโซเชียลถึงพฤติการณ์หลอกขายพระปลอมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย จนกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย

ไม่ใช่แค่พฤติกรรมการหลอกขายพระที่เป็นประเด็น เพราะระหว่างการขยายผลตรวจสอบ เจ้าหน้าที่พบว่างานนี้มีการวางแผนจัดทำกันเป็นขบวนการ โดยมีนายทุนใหญ่เข้ามาเปิดบริษัท จดทะเบียนรับคนมาทำงาน แต่สุดท้ายไม่ได้ทำงานตามที่ระบุไว้ หากแต่ไปยืนขายพระในวัด ซึ่งเป็นการกระทำผิดถึง 2 ส่วน คือไม่เป็นไปตามระเบียบของนายทะเบียน และยังขัดต่อกฎหมายตรวจคนเข้าเมืองด้วย

และที่ยิ่งซับซ้อนไปกว่านั้น คือการตรวจพบว่านายทุนใหญ่ชาวจีนคนดังกล่าวแอบอ้างเอาบุตรของตนมาสวมจดทะเบียนเป็นบุตรของชาวไทย และไปจดทะเบียนเพื่อให้เด็กได้สถานะเป็นบุคคลสัญชาติไทยตามถิ่นกำเนิดและบิดา หรือ มารดา เพื่อหวังให้บุตรได้ครอบครองทรัพย์สิน ก่อนพัฒนาไปสู่การฟอกเงินในอนาคต ขณะที่ผลตรวจสอบ พิสูจน์ชัดว่าไม่พบความเชื่อมโยงทางสายเลือดระหว่างตัวเด็กกับพ่อแม่ที่เป็นคนไทย

ย้อนกลับไปก่อนจะมีการแถลงข่าวปิดฉากกลโกง พฤติกรรมการฉ้อฉล ทุนจีนเช่าวัดไทยหลอกขายพระปลอมให้กับทัวร์จีน คอลัมน์หมายเลข 7 เคยลงพื้นที่สำรวจและตรวจสอบ พบข้อมูลว่าพระที่กลุ่มขบวนการนี้นำมาวางจำหน่าย โดยแอบอ้างว่าได้มาจากพิธีพุทธาภิเษกใหญ่ของวัดชื่อดังรุ่นเสาร์ห้าเพื่ออัพราคา มีต้นทุนต่ำหลักสิบเท่านั้น

และจากการสำรวจ เรายังพบว่ามีวัดอีกหลายแห่งในพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่เข้าข่ายมีพฤติกรรมเดียวกันกับวัดแห่งนี้ แต่เมื่อตกเป็นข่าวใหญ่ ก็ทยอยยุติการขายพระเครื่องและปิดพื้นที่ที่เคยให้เช่า

แม้บทสรุปกลโกงในแง่ของความเสียหายเรื่องนี้ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อส่วนใหญ่จะไม่ใช่คนไทยโดยตรง แต่ก็สร้างผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประเทศโดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ที่พบว่า พระสงฆ์ ซึ่งมีสถานะเป็นเหมือนเจ้าหน้าที่รัฐ อยู่ในสถานะของผู้สนับสนุนให้เกิดการกระทำผิด ก็ยิ่งไม่อาจจะหลุดพ้นได้ เวลานี้จึงถูกแจ้งข้อหาตามมาตรา 157 และ 149 และถูกยึดทรัพย์สินตามกระบวนการกฏหมาย ปปง.