ไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง เสียชีวิตรายแรก

ข่าวสังคม 15 สิงหาคม 2566 - สนามข่าว 7 สี - กรมควบคุมโรค ย้ำกลุ่มเสี่ยงงดเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้า หรือผู้มีอาการสงสัยฝีดาษวานร หลังพบผู้ติดเชื้อเอชไอวีป่วยด้วยฝีดาษลิง เสียชีวิตรายแรกในไทย

สถานการณ์โรคฝีดาษลิง เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในกลุ่มชายรักชาย หลังจากมีเทศกาลในเดือนมิถุนายน ผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่ 99% เป็นผู้ชาย มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยที่ได้รับเชื้อไวรัสฝีดาษลิง

ไทยพบผู้ป่วยโรคฝีดาษลิง เสียชีวิตรายแรกแล้ว เป็นผู้ชาย อายุ 34 ปี อาการเริ่มจากเป็นไข้ ปวดศีรษะ คัน และมีผื่น และตุ่มขึ้นกระจายตามตัว ตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมา และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนในจังหวัดชลบุรี

แพทย์สงสัยเป็นโรคฝีดาษวานร จึงส่งตัวอย่างตรวจยืนยันผลพบสารพันธุกรรมของไวรัสฝีดาษลิง ขณะเดียวกันยังตรวจพบเชื้อเอชไอวี และเชื้อซิฟิลิส รักษาจนครบ 4 สัปดาห์ ให้กลับบ้านไป

ต่อมาวันที่ 9 สิงหาคม ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย หายใจลำบาก ญาติจึงนำผู้ป่วยส่งไปรักษาที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจพบว่าผื่นจากโรคฝีดาษลิงกระจายทั่วตัว และมีการตายของเนื้อเยื่อที่จมูกและคอเป็นบริเวณกว้าง มีการติดเชื้อแทรกซ้อนที่แขนและขา มีภาวะปอดอักเสบ และอาการสมองอักเสบ  และภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่องรุนแรง แพทย์ได้ให้ยาต้านไวรัสฝีดาษลิง และยาปฏิชีวนะร่วมด้วย ต่อมาผู้ป่วยอาการทรุดลงและเสียชีวิตในคืนวันที่ 11 สิงหาคม 2566

อัปเดตโรคฝีดาษลิง โรคติดต่ออุบัติใหม่ ล่าสุดในไทยมีรายงานผู้ป่วยรวม 189 คน คนไทย 161 คน ชาวต่างชาติ 28 คน แนวโน้มการระบาดเพิ่มขึ้น ในจำนวนผู้ป่วยฝีดาษลิงจะเป็นผู้ติดเชื้อเอชไอวีอยู่ด้วยเกือบครึ่งหนึ่ง ปัจจัยเสี่ยงหลักคือการมีเพศสัมพันธ์กับคนแปลกหน้าที่ไม่รู้จักที่เป็นผู้ติดเชื้อฝีดาษลิง และมีระยะฟักตัว 21 วัน

ถ้ามี ไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองโต มีผื่น หรือ ตุ่มน้ำหรือ ตุ่มหนองขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือ ทวารหนัก หรือ บริเวณรอบๆ ตามมือ เท้า หน้าอก ใบหน้า หรือบริเวณปาก ให้รีบเข้ารับการตรวจรักษา ที่สถานพยาบาลทันที โดยแจ้งอาการและประวัติเสี่ยงด้วย

ทั่วโลกมีรายงานผู้ป่วยฝีดาษวานรเสียชีวิต 152 รายแล้ว ตั้งแต่เริ่มการระบาดในยุโรปและหลายประเทศตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 โดยปัจจุบันประเทศไทยได้รับมอบยาต้านไวรัสฝีดาษลิง จากองค์การอนามัยโลกมาใช้รักษาผู้ป่วยฝีดาษลิง ที่มีอาการรุนแรง