ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

ชูวิทย์ แฉเพื่อชาติ อ้าง เศรษฐา ตั้งนอมินีซื้อที่ดินทองหล่อ 1 พันล้านบาท

เช้านี้ที่หมอชิต - เหมือนงานจะเข้าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หมายเลข 1 ของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐา ทวีสิน อีกแล้ว ล่าสุด นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดปฏิบัติการแฉเพื่อชาติ ตอนที่ 2 "ปั่น บวม ตัดตอน" เปิดโปงนิติกรรมอำพรางของ "แสนสิริ" ภายใต้การบริหารของ นายเศรษฐา ว่ามีการตั้งบริษัทนอมินี ที่มีกรรมการเป็น "แม่บ้าน - รปภ." เพื่อซื้อที่ดินทองหล่อ หวังเงินทอนเหนาะ ๆ 435 ล้านบาท แต่ก่อนเข้าสู่การแถลง คุณชูวิทย์ ให้ คุณวรัญชัย โชคชนะ นักกิจกรรมทางการเมือง เอาปี๊บคลุมหัว ระบุข้อความ "นายกฯ ดิจิทัล" พร้อมบอกว่า ถ้าโหวตผ่านอย่าไปทำแบบนี้อีกนะ

เมื่อวานนี้ คุณชูวิทย์ เปิดแถลงข่าวกรณีความไม่ปกติในการซื้อที่ดิน ย่านทองหล่อ ซอย 12 เพื่อทำเป็นคอนโดมิเนียม ของบริษัทแสนสิริ โดยมีลักษณะที่เรียกว่า "โกงผู้ถือหุ้น" ด้วยการเอาเงินของผู้ถือหุ้นแสนสิริ ราว 1,000 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินจากบริษัทนอมินีที่ คุณชูวิทย์ อ้างว่า แสนสิริตั้งขึ้นเพื่อซื้อในราคาแพงกว่าราคาจริงอยู่ราว ๆ 500 ล้านบาท โดยมีกระบวนการ ปั่น บวมเงิน ตัดตอน ทำให้เชื่อว่าบริษัทนอมินีดังกล่าวได้ที่ดินมาในราคาสูง ขณะที่กรรมการของบริษัทดังกล่าวก็เป็นเพียงแม่บ้านกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเท่านั้น กระบวนการเป็นอย่างไร คุณชูวิทย์ ไล่เรียงดังนี้

ขั้นตอนที่ 1 เริ่มต้นจากจำนวนที่ดิน 9 โฉนด ภายหลังเป็นคอนโดฯ หรูในเครือแสนสิริ ที่ดินแปลงนี้มีการซื้อขายครั้งแรกในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2551 ให้กับบริษัท เอ็นแอนด์เอ็น บริษัทจริง บริษัทนี้ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท

ขั้นตอนที่ 2 บริษัท เอ็นแอนด์เอ็น นำที่ดินไปจำนองในวันที่ 5 เมษายน 2555 คิดเป็นจำนวน 465 ล้านบาท

ขั้นตอนที่ 3 คือ การขายหุ้นบริษัท 100 ล้านบาท ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558 ทำให้บริษัท เอ็นแอนด์เอ็น ถูกตัดตอนกลายเป็นบริษัทนอมินี เพราะ นางสาวพินิช ผู้ถือหุ้น 99.99% เมื่อดูประวัติแล้วพบว่าเป็นแม่บ้าน อีกคนคือ นายสมศักดิ์ ถือหุ้น 0.0001% เป็น รปภ. อีกคนหนึ่ง คือ นายพีระพงษ์ ถือหุ้น 0.0001% โดยบริษัทนอมินีนี้ได้ไปขอกู้เงินกับบริษัท อาณาวรรธน์ ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ จำนวน 1,000 ล้านบาท บริษัทนี้มีชื่อ นายเศรษฐา เป็นกรรมการบริษัทลำดับที่สอง เพื่อนำเงินไปปลดจำนอง 465 ล้านบาท ดังกล่าว ทำให้ นางสาวพินิช ได้กำไรจากเงินกู้ หลังปลดจำนองที่ดิน และซื้อหุ้นจากเจ้าของเดิมในจำนวน 435 ล้านบาท จึงเป็นคำถามว่า เงินทอนส่วนนี้หายไปไหน เข้ากระเป๋าของใคร ซึ่งต่อมาวันที่ 24 พฤษภาคม 2560 บริษัทลูกเปลี่ยนผู้ถือหุ้นเป็น นายยงยุทธ ซึ่งเป็น รปภ. เช่นกัน เพื่อให้บริษัทถูกทิ้งร้างไปในปี 2558 เพราะไม่มีการส่งงบของบริษัท

ขั้นตอนที่ 4 บริษัท แสนสิริ ซึ่งมี นายเศรษฐา เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ซื้อที่ดินจากเอ็นแอนด์เอ็นนอมินี ราคา 957.55 ล้านบาท

นายชูวิทย์ ยังย้ำหลายครั้งว่า สาเหตุที่ไม่ซื้อตรงก็เพราะซื้อตรงไม่มีเงินทอน กระบวนการที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ความปกติทางการค้า และจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เนื่องจาก นายเศรษฐา เป็นกรรมการทั้งบริษัทใหญ่และอาณาวรรธน์ ที่ไปให้บริษัทที่มีแม่บ้าน และ รปภ. กู้ หากเป็นแบบนี้ต่อไป นายเศรษฐา ได้เป็นนายกฯ ไม่ว่าใครก็คงกู้ได้หมด คนละพัน ๆ ล้าน เพราะไม่ต้องดูเครดิต ถ้า นายทักษิณ มีพฤติกรรมซุกหุ้น นายเศรษฐา ก็คือ โกงหุ้นนั่นเอง

นายชูวิทย์ ระบุทิ้งท้ายว่า หลังจากนี้จะไปยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อขอให้ตรวจสอบธรรมาภิบาลของ แสนสิริ และจะนำข้อมูลไปยื่นให้สมาชิกวุฒิสภาช่วยตรวจสอบคุณสมบัติ นายเศรษฐา โดยจะเดินทางไปที่รัฐสภา ยื่นหนังสือผ่านประธานรัฐสภา เพราะเชื่อว่าข้อมูลชุดนี้จะถูกขยายผล นอกจากนี้ ยังกล่าวอีกว่า คืนก่อนก็มีคนโทรหาเพื่อให้หยุดภารกิจในวันนี้ แต่ยืนยันว่าจะพูดต่อไปเรื่อย ๆ โดยมีหลักฐานทั้งหมด พร้อมอยู่สู้ทุกชั้นศาล สู้ไปจนถึงศาลฎีกาแม้จะต้องฉีดยาฆ่ามะเร็งก็ขอสู้ต่อไป

ต่อมา มีคำแถลงการณ์ "แสนสิริ ยืนยันการซื้อที่ดินทองหล่อถูกต้อง" ลงนามโดย นายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า แสนสิริ และบริษัทย่อย กรรมการและผู้บริหารของบริษัทดังกล่าว ไม่มีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ใด ๆ กับ เอ็นแอนด์เอ็น ซึ่งเป็นผู้ขายที่ดินแปลงดังกล่าว แสนสิริ ซื้อที่ดินทองหล่อในปี 2559 ในราคา 1,100,000 บาทต่อตารางวา จากเอ็นแอนด์เอ็น ตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาที่เหมาะสมเทียบเคียงกับราคาตลาด ตามที่มีการกล่าวอ้างว่า แสนสิริซื้อที่ดินราคาแพง ควรจะซื้อแค่ 565 ล้านบาท หรือเท่ากับตารางวาละ 650,000 บาท เป็นการพูดที่ไม่สมเหตุผล เพราะไม่มีเจ้าของที่ดินรายใดที่มีที่ดินอยู่ในซอยทองหล่อจะขายที่ดินในราคาดังกล่าว อีกทั้ง บริษัท เอ็นแอนด์เอ็น ได้ซื้อที่ดินแปลงนี้มาตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งเป็นธรรมดาที่เจ้าของที่ดินจะต้องขายที่ดินที่มีกำไร คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมขายในราคาตารางวาละ 650,000 บาท ที่ต่ำกว่าราคาตลาดอย่างมาก สำหรับกรณีเงินกู้ แถลงการณ์ระบุว่า บริษัท อาณาวรรธน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของแสนสิริ ไม่เคยให้กู้ยืมเงินแก่เอ็นแอนด์เอ็น โดยมีหลักฐานที่อยู่ในสัญญาจำนองฉบับกรมที่ดิน จากนั้นจึงระบุว่า แสนสิริ อยู่ในระหว่างพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำการบิดเบือนข้อมูล และทำให้ชื่อเสียงแสนสิริได้รับความเสียหาย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark