ปส.รับตัว สัญญา พ่อค้ายารายใหญ่ หลังหนีกบดาน สปป.ลาว [เจาะเกาะติด]

ประเด็นเด็ด 7 สี - คุณผู้ชมยังจำคดีไต้หวันแถลงพบเฮโรอีน 446 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ที่ส่งจากประเทศไทยเมื่อ 2 ปี ก่อนได้ไหม ตอนนั้นเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก วันนี้ประเด็นเด็ด 7 สี ส่ง คุณรัตนกรณ์ โต๊ะหมัด ผู้สื่อข่าว ลงพื้นที่ไปรับตัวผู้ต้องหาที่ สปป.ลาว พร้อมกับตำรวจปราบปรามยาเสพติด พฤติการณ์ของผู้ต้องหามีการตัดกำไล EM เพื่อหนีผิดด้วย ไปติดตามจากรายงาน

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2564 ประเทศไทยกลายเป็นข่าวฉาว หลังทางการไต้หวันตรวจพบเฮโรอีน หนัก 446 กิโลกรัม มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ซุกในไม้แปรรูป ตำรวจ ปส.สืบไปสาวมา พบกลุ่มผู้ต้องหาคือ นายสัญญา อายุ 39 ปี, นายบุญรอด อายุ 53 ปี เป็นเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบมากระทำผิดเสียเอง และมี นายวันไชย ชาวลาว ร่วมกระทำผิด ตำรวจปราบปรามยาเสพติด หรือ ปส. ขยายผลจนสามารถจับกุม นายสัญญา และ นายบุญรอด ดำเนินคดีตามกฎหมาย คุมตัวตรวจค้นโรงงาน ซึ่งขณะนั้น นายสัญญา อ้างไม่รู้เรื่อง ส่วน นายวันไชย หนีกลับประเทศ

ปี 2565 หลังคดีอยู่ระหว่างศาลพิจารณาสัญญาได้ยื่นหลักทรัพย์ 6 แสนบาท ขอปล่อยตัวชั่วคราว ศาลสั่งติดกำไล EM แต่สุดท้ายไม่สำนึก ออกมาเป็นผู้สั่งการค้ายาเสพติดต่อ ถูกล่อซื้อเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่ไหวตัวทัน ทิ้งลูกน้องรับกรรมส่วนตัวเองตัดกำไล EM ทิ้ง หนีกบดาน สปป.ลาว

ทำผิดแล้วผิดอีก พลตำรวจเอก ชินภัทร สารสิน รอง ผบ.ตร. บินประสานทางการ สปป.ลาว จนจับกุมตัวได้ และส่งมอบคืนให้ทางการไทยในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง

คำแรกคือผมจำท่านได้ นายสัญญา ผู้ต้องหาบอกกับตำรวจระหว่างถูกซักถามข้อมูล แต่ยังปากแข็งบอกคดีแรกไม่รู้เรื่อง ส่วนคดีล่าสุดจำนนต่อหลักฐาน คดีนี้เหมือนจะจบแต่ยังไม่จบ เพราะตำรวจต้องขยายผลต่อ เชื่อมีตัวการใหญ่กว่า นายสัญญา เพราะประวัติเข้าออก สปป.ลาวเป็นว่าเล่น

ข้อมูลจากเรือนจำปัจจุบัน 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้ต้องขังเป็นคดียาเสพติด เป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลชุดต่อไป จะจริงจังกับการแก้ปัญหายาเสพติดแค่ไหน และมีนโยบายป้องกันปราบปรามอย่างไร ไม่ให้คนในชาติถูกมอมเมา