นายทุนปลูกยูคาลิปตัสเกือบ 1,000 ไร่ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จ.พัทลุง

เช้านี้ที่หมอชิต - เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ลงตรวจสอบบริเวณที่นายทุนปรับสภาพดิน ปลูกต้นยูคาลิปตัสเกือบ 1,000 ไร่ ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง หลังชาวบ้านสงสัยเรื่องการครอบครองที่ดิน เพราะไม่น่าจะออกเอกสารสิทธิ์ได้

เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย พร้อมด้วยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีมีการใช้รถแบ็กโฮปรับพื้นที่ป่าพรุในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย บริเวณรอยต่อ ตำบลทะเลน้อย อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง กับ ตำบลบ้านขาว อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา เพื่อปลูกต้นยูคาลิปตัส ซึ่งที่ดินบริเวณนี้ ชาวบ้านสงสัยว่านายทุนมาปลูกต้นยูคาลิปตัสได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านที่หากินบริเวณนี้รวมถึงเจ้าหน้าที่ต่างทราบดีว่าบริเวณนี้อยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีการขุดและปลูกต้นยูคาลิปตัสไปแล้วกว่า 300 ไร่ และกำลังขุดอยู่อย่างต่อเนื่องในเนื้อที่เกือบ 1,000 ไร่

ล่าสุด กลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงควายน้ำ ทะเลน้อย ได้รวมตัวกันมาสอบถามเรื่องนี้กับทางเขตห้ามล่าสัตว์ป่า เพราะว่าบริเวณที่มีการปลูกต้นยูคาลิปตัสนั้นเป็นจุดที่ควายกว่า 1,000 ตัว จะมาหาหญ้ากินบริเวณนี้ เมื่อมีการปรับพื้นที่ อาชีพเลี้ยงควายก็เริ่มได้รับความเดือดร้อน ยังไม่นับผลกระทบที่อาจจะเกิดกับระบบนิเวศ เพราะว่าต้นยูคาลิปตัสไม่ใช่ต้นไม้ในป่าพรุ

เกษตรกรผู้เลี้ยงควายน้ำทะเลน้อยคนหนึ่ง บอกว่า ปกติพื้นที่นี้ เวลาชาวบ้านที่เลี้ยงควายขอความร่วมมือเจ้าหน้าที่ในการขุดปรับดินเพื่อสร้างคอกควายให้สูงขึ้นในช่วงน้ำหลาก ขอกันมาเป็น 10 ปี ยังไม่ได้ แต่มาปีนี้กลับมีกลุ่มนายทุนนำรถแบ็กโฮมาขุดยกคันดินขึ้นสูง แล้วปลูกต้นยูคาลิปตัส เจ้าหน้าที่กลับปล่อยให้ขุดได้ โดยไม่มีการตรวจสอบแต่อย่างได หากเป็นชาวบ้านทำแบบนี้คงถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับกุมทันที

ด้าน นายปราโมทย์ แก้วนาง หัวหน้าเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง กล่าวว่า ทางเขตห้ามล่าฯ ไม่สามารถยับยั้งการขุดได้ เมื่อเจ้าของโครงการได้ยื่นเอกสารการครอบครอง นส.3 มาแสดง ก็ถือว่าเป็นเอกสารที่รัฐอนุญาตให้อย่างถูกต้อง แต่หลังจากนี้จะได้รายงานไปยังกรมอุทยานฯ ให้ตรวจสอบภาพถ่ายทางดาวเทียมอีกครั้ง ว่าบริเวณนี้เป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่ดีเอสไอเคยมีการตรวจสอบและดำเนินการให้มีการเพิกถอนการถือครองเอกสารสิทธิ์ไปแล้วหรือไม่ หากพบว่าเป็นพื้นที่อนุรักษ์ และเป็นพื้นที่ที่เคยถูกเพิกถอนการถือครอง ทางเขตห้ามล่าฯ ก็จะได้ทำการตรวจยึดต่อไป