ส่อเค้าวุ่น สถานที่จัดงานศพคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ จ.สมุทรปราการ

ข่าวอาชญากรรม 29 สิงหาคม 2566 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - ความคืบหน้าคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ ที่จังหวัดสมุทรปราการ ส่อเค้าวุ่น หลังพี่ชายของผู้ก่อเหตุนำศพภรรยา และลูกชาย 2 คน ไปประกอบพิธีทางศาสนาที่จังหวัดกำแพงเพชร บ้านเกิดของผู้ก่อเหตุ แต่พ่อฝ่ายหญิงยืนยัน ต้องนำกลับมาทำพิธีที่จังหวัดสมุทรปราการ

ส่อเค้าวุ่น สถานที่จัดงานศพคดีฆ่ายกครัว 3 ศพ จ.สมุทรปราการ
ต้องบอกว่าคดีนี้ส่อเค้าวุ่น กับคดีสะเทือนขวัญฆ่ายกครัว 3 ศพ หลังช่วงค่ำวานนี้ นายสุรศักดิ์ อายุ 66 ปี พ่อเลี้ยงของนางสาววิภาพร ที่ถูก นายสาณิช สามี ฆ่าปาดคอพร้อมกับลูกชายอีก 2 คน เสียชีวิตภายในบ้านพักย่านบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ได้เดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ มาที่ สภ.บางแก้ว เพื่อแจ้งความกับนายสาณิช ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ที่ลงมือฆ่าลูกสาวและหลานเสียชีวิต   

นอกจากนี้ นายสุรศักดิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ญาติของนายสาณิช ชิงมารับศพบุตรสาว และหลานทั้ง 2 คน ไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดกำแพงเพชร ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้มีการพูดคุยกันแล้วว่า จะนำศพทั้ง 3 คน ไปตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดหนามแดง จังหวัดสมุทรปราการ เนื่องจากมีญาติพี่น้องที่ทำงานในพื้นที่ และเพื่อความสะดวกของทั้ง 2 ฝ่าย ตนเองในฐานะของพ่อนางสาววิภาพร จึงไม่ยอม และต้องนำศพทั้ง 3 กลับมาบำเพ็ญกุศลที่วัดหนามแดงเท่านั้น

ญาติเตรียมบำเพ็ญกุศลศพ จ.กำแพงเพชร
ส่วนที่จังหวัดกำแพงเพชร ญาติของผู้ก่อเหตุได้นำศพไปมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดถนนงาม โดยมีบรรดาญาติ ๆ และชาวบ้านที่ทราบข่าว ต่างมาช่วยกันยกโลงศพเข้าไปยังศาลา เพื่อบรรจุในโลงเย็น บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า

โดยพี่ชายของผู้ก่อเหตุได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้น ๆ ว่า หลังทราบข่าวการเสียชีวิต ก็เดินทางไปรับศพภรรยาของน้องชายและหลานมาทำพิธี เพราะยังไม่มีญาติของภรรยาน้องชายมาติดต่อ แต่หากจะขอนำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่จังหวัดสมุทรปราการ ก็ขอให้มาคุยกันอีกครั้ง  

ส่วนเงินบริจาคที่โรงเรียนของน้องที่เสียชีวิตเรียนอยู่ เปิดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ ตอนนี้ยอดเงินกว่า 2.3 ล้านบาทแล้ว โดยหลังจากนี้ทางโรงเรียนจะชี้แจงเรื่องนี้ หลังเสร็จจากพิธีศพ เบื้องต้นอาจไม่ให้ญาติทั้ง 2 ฝ่าย เพื่อตัดปัญหา และอาจจะนำไปมอบให้กับโรงพยาบาล

ขณะที่ สภ.บางแก้ว วันนี้พนักงานสอบสวนได้เรียกเพื่อนร่วมงานผู้เสียชีวิต 4 คน เข้ามาให้ข้อมูล หลังพบว่าเป็นคนให้ยืมเงิน และยืนยันไม่ใช่กลุ่มเงินกู้นอกระบบ

พร้อมเล่าว่า เมื่อวันที่ 22 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้เสียชีวิตได้ส่งข้อความมาขอยืม 300,000 บาท โดยบอกว่าติดปัญหาเรื่องบ้าน และก็ให้ยืมไปแค่ 100,000 บาท ส่วนคนอื่น ๆ ก็ให้ยืมคนละ 100,000-200,000 บาท และมากที่สุด 900,000 บาท รวมเป็นเงินกว่า 1.39 ล้านบาท บางคนก็ได้ทำสัญญาเงินกู้ บางคนก็ไม่ทำเพราะรู้จักกันมานานเป็น 10 ปี และหลังจากที่ให้ยืมไปแล้ว ผู้เสียชีวิตก็โทรศัพท์มาพูดคุยเรื่องที่ถูกแอปฯ เงินกู้หลอกโอนเงิน จึงมีทวงถามไปว่า จะใช้เงินคืนตนอย่างไร ทางผู้เสียชีวิตก็ร้องไห้ขอโทษ

ออกหมายจับ 5 บัญชีม้า โยงฆ่ายกครัว 3 ศพ
ตำรวจสถานีตำรวจภูธรบางแก้วออกหมายจับคดีฆ่ายกครัวแล้ว 6 ราย ทั้งฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันฉ้อโกง

หมายจับแรกเป็นคดีหลัก ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ส่วนอีก 5 หมายจับ เป็นเจ้าของบัญชีม้าร่วมกันฉ้อโกงประชาชน ร่วมกันนำเข้าข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ ยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชี โดยพบว่าเป็นชาวโคราช 2 คน และสระแก้วอีก 3 คน

การออกหมายจับครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากตำรวจสืบเสาะ สัญญาเงินกู้ที่ผู้เสียชีวิตบันทึกไว้ในโทรศัพท์มือถือ ก่อนขยายผลไปตามเส้นทางการเงินซึ่งพบว่า ปรากฏรายการถอนตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม รวมทั้งหมด 14 ครั้ง เป็นเงิน 1.7 ล้านบาท และยังพบว่าบัญชีม้าที่เปิดในครั้งนี้เปิดในสาขาอรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลจับกุม

ย้อนคดีร้องตำรวจ สภ.บางแก้ว รีดทรัพย์บัญชีม้า
ต้องบอกว่า เป็นอีกคดีออนไลน์ที่มีการฉ้อโกงกัน จนถึงขั้นทำให้ผู้ถูกหลอกลวงฆ่ากันยกครัวแบบนี้ แต่หากย้อนกลับไปดู จะพบว่าที่สถานีตำรวจภูธรบางแก้วแห่งนี้ เป็นสถานีตำรวจภูธรอันดับต้น ๆ ที่มีการติดตามคดีออนไลน์จำนวนมาก แต่ท้ายที่สุดก็มีการแชร์กันออกมาบอกว่า ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว มีส่วนได้ส่วนเสียหรือเรียกรับส่วย จากการทุบพวกเว็บพนันออนไลน์ รวมถึงบัญชีม้า

โดยในรายงานการร้องเรียนพบว่า ที่สถานีตำรวจภูธรแห่งนี้ ได้มีการจัดชุดพนักงานสอบสวนชุดเฉพาะ 4-5 คน ให้มาทำเรื่องเกี่ยวกับการอายัดบัญชี ซึ่งพัวพันกับเว็บพนันออนไลน์ โดยมีการอายัดบัญชีม้ากว่า 900 บัญชี

และที่ผ่านมา มีการสืบสวนสอบสวนขยายผลมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงโยกย้ายผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบางแก้ว ไปอยู่ ศปก. ล่าสุด บิ๊กโจ๊ก ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า มีการสรุปสำนวนส่งไปให้กับ ป.ป.ช. แล้ว