พ่อ-แม่ วอนช่วยลูก ถูกหลอกไปทำแก๊งคอลเซ็นเตอร์

ข่าวอาชญากรรม 6 กันยายน 2566 - ห้องข่าวภาคเที่ยง - เราได้รับการติดต่อจากพ่อและแม่ของเหยื่อรายหนึ่ง ที่ต้องการให้เจ้าหน้าที่ไทยช่วยเหลือลูกชาย เดิมเจ้าตัวตั้งใจจะไปทำงานเว็บพนันที่ถูกกฎหมายในประเทศจีน แต่ไป ๆ มา ๆ กลับถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน จึงกังวลว่าลูกชายจะถูกทำร้ายร่างกาย เหมือนกับคนที่ได้รับการปล่อยตัวมา

ความกังวลใจของพ่อและแม่ที่ว่านี้ เริ่มต้นจากคลิปสั้น ๆ ในเฟซบุ๊ก เป็นภาพของวัยรุ่นชายคนหนึ่งเดินกะเผลกข้ามถนนมากราบพ่อและแม่ของตัวเอง ใครผ่านไปผ่านมามองเห็นก็เข้าใจว่าเป็นการแสดงความรักของคนที่ไม่ได้เจอหน้ากันมานาน แต่คลิปนี้กลับเป็นภาพบีบหัวใจคนเป็นพ่อและแม่ของเหยื่อรายหนึ่ง เพราะวัยรุ่นชายในภาพคือหนึ่งในเหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน

ทีมข่าว 7HD ได้ฟังคำบอกเล่านี้มาจากชายคนหนึ่งที่ประกอบอาชีพร้านขายอาหารในพื้นที่เขตธนบุรี เล่าให้ฟังว่า ตนเองกับภรรยาแยกทางกัน ลูกชายไปอาศัยอยู่กับภรรยา และขอไปทำงานที่ประเทศจีน ตอนแรกไม่ทันได้ห้ามอะไร เพราะลูกบอกว่าเพื่อนชวนไปทำงานถูกกฎหมาย และปกติตนก็ไม่ค่อยได้คุยกับลูก เพราะลูกจะสนิทกับแม่มากกว่า กระทั่งเริ่มมารู้สึกแปลก ๆ หลังลูกบอกว่ามีเวลาคุยได้สั้น ๆ และเริ่มขาดการติดต่อ จึงถามเรื่องนี้กับอดีตภรรยา ถึงได้รู้ว่าลูกชายเดิมตั้งใจไปทำงานเว็บพนันที่ถูกกฎหมายที่ประเทศจีน แต่กลับถูกพาข้ามประเทศไปทางอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ถูกหลอกไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ตัวเองรู้รายละเอียดไม่มาก เพราะลูกแทบจะไม่เล่าอะไรให้ฟัง รู้เพียงว่ามีคนไทยอยู่กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลุ่มนี้ประมาณ 40 คน มีคนที่ถูกทำร้ายร่างกาย ถูกบังคับให้ทำงาน หากอยากกลับไทยก็สามารถทำได้ แต่ต้องจ่ายเงิน 2 แสนบาท ถึงจะยอมพาตัวกลับมาส่ง ซึ่งตอนนี้มีคนรู้จัก 2 คน เดินทางกลับมาไทยได้แล้ว คนหนึ่งเคยติดต่อให้มาเปิดเผยข้อเท็จจริงเรื่องนี้กับทีมข่าว แถมยังออกค่ารถให้ไป 4,800 บาท แต่สุดท้ายก็เงียบหาย ไม่ยอมติดต่อกลับ ส่วนอีกคนรู้แค่ว่าได้รับการปล่อยตัวเมื่อคืนนี้ และน่าจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ ช่วงค่ำ แต่ก็ติดต่อไม่ได้เช่นกัน

เราได้ลองรวบรวมข้อมูลที่เคยมีคนโพสต์ถามกันในอินเทอร์เน็ตช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ได้ข้อมูลบางอย่างที่น่าสนใจ เริ่มจากเว็บ Pantip.com มีคนตั้งคำถามถึงเหตุผลว่าทำไมคนไทยถึงอยากไปทำงานในกาสิโนประเทศเพื่อนบ้านกันมาก ซึ่งก็มีหนึ่งในคนที่มาตอบ อ้างว่าเล่าจากประสบการณ์ตรง ว่าเมื่อ 4-5 ปีก่อน ได้เงินเดือน 18,000 บาท ได้โบนัส 1.5-2 เท่า ทุก ๆ 3 เดือน และถ้าทำงานครบปีก็จะได้ไอโฟน 1 เครื่อง แต่ส่วนใหญ่ที่ข้ามไปไม่ได้ไปทำงานในกาสิโน แต่ไปทำงานให้กับเว็บพนันออนไลน์มากกว่า

นอกจากนี้ เรายังไปเจอกลุ่ม ๆ หนึ่ง ที่หางานให้กับคนที่ต้องการทำงานในฝั่งปอยเปต หลายโพสต์เป็นการชักชวนไปทำงานแบบถูกกฎหมาย แต่ในคอมเมนต์ก็มีหลายคนที่พยายามโฆษณาชักชวนให้ไปทำงานธุรกิจสีเทา อ้างว่ามีบริษัทรับรองการทำงานอย่างถูกกฎหมาย กำหนดวุฒิการศึกษาไม่สูง เงินเดือนเริ่มต้นตั้งแต่ 12,000 บาทขึ้นไป อาจดูแล้วไม่สูงแต่สวัสดิการเพียบ ไล่มาตั้งแต่ที่พักฟรี มีค่าเดินทาง ค่ารักษาพยาบาล โบนัสประจำปี ปรับเงินเดือนปีละ 2,000 บาท ทำงาน 20 วัน หยุด 10 วัน มีค่าคอมมิชชัน โอที และค่าอาหารต่างหาก

บางงานบอกเป็นบริษัทในเครือบริษัทขนาดใหญ่ เปิดรับหลายตำแหน่ง ไล่มาตั้งแต่ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เงินเดือน 35,000-50,000 บาท ผู้จัดการอะพาร์ตเมนต์ เงินเดือน 30,000-40,000 บาท ผู้จัดการร้านอาหาร เงินเดือน 30,000-45,000 บาท เจ้าหน้าที่ฝ่ายบัญชี เงินเดือน 25,000-45,000 บาท ผู้จัดการฝ่ายซ่อมบำรุง เงินเดือนไม่เกิน 45,000 บาท ไม่นับรวมว่าบางโพสต์รับสมัครงานบอกกันตรง ๆ ว่าชวนไปทำเว็บพนัน

ซึ่งเราพอจะสรุปได้ว่าสิ่งที่ชักจูงใจให้คนไปทำงาน 1.ไม่สนใจวุฒิการศึกษา 2.เสนอผลตอบแทนสูง หรือไม่ก็มีสวัสดิการที่ดี 3.ต้องการคนที่มีอายุไม่มาก ซึ่งนี่อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมถึงยังมีคนไทยวาดฝันอยากไปทำงานกาสิโนในต่างประเทศ

นอกจากสิ่งล่อตาล่อใจแล้ว อีกมุมหนึ่งหากไปทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ต้องเจอกับอะไรบ้าง อย่างแรก คุณจะถูกตั้งค่าหัวก่อนทันที 2 แสนบาท เพื่อแลกกับการปล่อยตัวเป็นอิสระ หลายคนอาจบอกว่าหากยอมทำงานจะได้ส่วนแบ่ง แต่ต้องไม่ลืมว่าหลายต่อหลายคนแล้วที่เมื่อกลับมาไทยต้องมาถูกออกหมายจับ ดำเนินคดีหลายข้อหาไล่มาตั้งแต่ร่วมกันฉ้อโกง หลบหนีเข้าเมือง และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ต้องชดใช้กรรมหลายปี

หากถูกทางการประเทศนั้น ๆ จับตัวได้ ก็ต้องถูกดำเนินคดีในประเทศนั้นก่อน แล้วกลับมาถูกดำเนินคดีในไทยซ้ำอีก แต่หากเลือกที่จะปฏิเสธไม่ยอมทำงานละ ก็อาจถูกทำร้ายร่างกาย ถูกขังให้อดข้าวอดน้ำ แล้วบังคับให้ทำงานต่อ หากเห็นว่าไปต่อไม่ไหว ก็จะขายต่อให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์รายอื่นที่อาจทำร้ายคุณหนักกว่าเดิม นี่คือสิ่งที่เราอยากเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์ สำหรับใครที่กำลังวาดฝันอยากไปทำงานแบบนี้