ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

เด็ดปีก กำนันนก แจ้งข้อหาลูกน้องเพิ่ม 5 คน เตรียมขยายผลฮั้วประมูลทำธุรกิจหรือไม่

ข่าวอาชญากรรม 11 กันยายน 2566 - สนามข่าว 7 สี - ตามกันต่อกับคดีใหญ่ลูกน้องคนสนิท "กำนันนก" ลั่นไกยิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิตและบาดเจ็บ มาจนถึงขณะนี้ คดีมีความคืบหน้าไปมาก เมื่อวันก่อนตำรวจได้ออกหมายจับตำรวจ 6 นาย และเตรียมแจ้งข้อกล่าวหากับคนในบ้านกำนันนก อีก 5 คน ฐานร่วมกันซ่อนเร้นทำลายพยานหลักฐาน และเตรียมขยายผลสอบธุรกิจของกำนันนกว่ามีการฮั้วประมูลหรือไม่

คดีนี้ต้องบอกว่ายิ่งสาวยิ่งเจอผู้ร่วมกระทำผิดเพิ่มเติม โดยเฉพาะตำรวจหลายนายที่มีพฤติกรรมทำตัวคอยรับใช้ หนุนหลัง จนทำให้ นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก มีอายุเพียง 30 ปีเศษ ๆ เท่านั้น แต่กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพล ชี้เป็นสั่งตายใครก็ได้หรือไม่

โดยเมื่อวานนี้ กำนันนก กลายเป็นนกปีกหัก ตำรวจได้ส่งตัวฝากขังไปแล้ว ส่วนตำรวจและพลเรือนที่ช่วยเหลือทำลายหลักฐานในวันเกิดเหตุ ทยอยถูกออกหมายจับไปตาม ๆ กัน แถวแรกเป็นตำรวจ 6 นาย (ในจำนวนนี้ 4 นาย สังกัดตำรวจทางหลวง) แต่ละนายไปมีส่วนเกี่ยวข้องในจุดไหน และเกี่ยวข้องอย่างไรในคดี เราย้อนไล่เรียงมาให้ดู

เริ่มจาก ร้อยตำรวจเอก ณรงค์ศักดิ์ เป็นคนที่เข้าไปแย่งอาวุธปืนจาก นายธนัญชัย หรือ หน่อง มือปืนที่ลั่นไกสังหาร พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว สารวัตรสถานีตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง เสียชีวิต แต่ไม่จับตัวนายหน่องเอาไว้ ปล่อยให้ ร้อยตำรวจโท ประสาร พานายหน่องไปขึ้นรถนั่งออกจากที่เกิดเหตุไปพร้อมกับกำนันนก

ขณะที่ พันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์, ร้อยตำรวจเอก ณัฏฐพล และร้อยตำรวจตรี สรรเสริญ หลังเกิดเหตุเข้าไปยืนล้อมกำนันนกในลักษณะคุ้มกัน พาตัวกลับเข้าไปในบ้าน ก่อนจะมีคนพาออกจากที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังมี พันตำรวจตรี เกียรติศักดิ์ เป็นผู้ที่นำอาวุธปืนที่ใช้สังหาร ไปให้คนงานในบ้านกำนันนก

ส่วนคนสุดท้าย คือ ร้อยตำรวจโท นิมิตร ซึ่งเป็นเจ้าของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ และเป็นผู้ที่ขับรถของกำนันนกออกจากที่เกิดเหตุ นำไปเก็บไว้ที่บ้านอีกหลังหนึ่ง นอกจากนี้ยังปรากฏภาพตำรวจพื้นที่จังหวัดนครปฐม ขี่รถจักรยานยนต์ในลักษณะคุ้มกัน คันแรกขี่นำ ส่วนอีกคันขี่ตามท้ายรถอเนกประสงค์ สีขาว ขบวนกำนันนก เพื่อมาเลี้ยวตรงจุดกลับรถ ขับออกไปจากที่เกิดเหตุ

เมื่อวานนี้ อดีตตำรวจทั้ง 6 นาย ถูกควบคุมตัวอยู่ที่ สภ.เมืองนครปฐม จากการเค้นสอบปากคำ ยังคงให้การภาคเสธ แต่ให้การเหมือนกันเฉพาะในประเด็นได้รับเชิญให้ไปร่วมงานเลี้ยงที่บ้านกำนันนก ส่วนประเด็นที่ว่าหลังเกิดเหตุแล้วทำอะไร ที่ไหน ทั้งหมดให้การไม่ตรงกัน และปฏิเสธเรื่องการช่วยเหลือกำนันนก และปฏิเสธเรื่องการปล่อยตัว นายหน่อง มือปืน ซึ่งจากพฤติการณ์ดังกล่าว ทำให้ตำรวจทั้ง 6 นาย ถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อจะช่วยผู้อื่นมิให้ต้องรับโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง, ร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น ซึ่งพยานหลักฐานในการกระทำความผิด และร่วมกันช่วยผู้อื่นซึ่งเป็นผู้กระทำความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษเพื่อไม่ให้ต้องโทษ หรือเพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ซึ่งพนักงานสอบสวนจะคัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราว เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์ มีอัตราโทษสูง โดยเช้าวันนี้ ตำรวจจะนำทั้ง 6 นาย ฝากขังผัดแรกที่ศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7 จังหวัดสมุทรสงคราม

เนื่องจากเป็นคดีอุกอาจที่มีกลุ่มตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง แทนที่จะเป็นผู้พิทักษ์กฎหมายและเป็นที่พึ่งให้ประชาชน แต่กลับทำตัวช่วยเหลือผู้ก่อเหตุ ในจำนวนนี้มี 4 นาย เป็นตำรวจสังกัดตำรวจทางหลวง โดยพลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทน ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง มีคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน แต่เมื่อตกเป็นผู้ต้องหา ขณะนี้จึงถูกให้ออกจากราชการทั้งหมดแล้ว

ส่วนการสอบสวนผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องในส่วนอื่น เมื่อวานนี้ที่ตำรวจภูธรภาค 7 ตำรวจได้เรียกตัวคนงานในบ้านกำนันนก ที่รับอาวุธปืนมาหลังการก่อเหตุ มาสอบปากคำ รวมทั้ง นายฐิตินันท์ หรือ "โบ๊ท" เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางราชบุรีด้วย เนื่องจากเป็นผู้ที่นำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไปโยนทิ้งคลอง ใกล้โค้งวัดตาก้อง พื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม นำไปสู่การระดมเจ้าหน้าที่งมค้นหา กระทั่งพบเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่เป็นหลักฐานสำคัญอีกชิ้นที่จะไขคดีนี้ 

ทั้งนี้ ระหว่างที่ทั้ง 2 คนเดินผ่าน ผู้สื่อข่าวพยายามถาม โดย นายฐิตินันท์ มีสีหน้านิ่งเฉย ไม่ยอมตอบคำถามใด ๆ ส่วนคนงานบ้านกำนันนก มีท่าทางซึม ยอมรับว่าหลังจากรับอาวุธปืนมาแล้ว ได้ใช้ผ้าปูเก้าอี้ห่อปืนเอาไว้ แล้วขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้านพัก จนวันรุ่งขึ้นไม่มีใครพูดถึงปืนกระบอกนี้ จึงตัดสินใจนำไปฝังดินซ่อนไว้ อ้างว่ากลัวมีความผิด

ด้าน พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยระหว่างไปร่วมประชุมกับทีมสืบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ระบุว่าคดีนี้มีความคืบหน้าไปมาก ตลอดทั้งวันของเมื่อวานได้เรียกพยานแวดล้อมมาสอบสวน โดยต้องแยกประเด็นว่าตำรวจแต่ละนาย มีพฤติกรรมในขณะเกิดเหตุอย่างไรบ้าง เช่น ไม่ให้การช่วยเหลือ หรือให้การช่วยเหลือตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ หรือแม้กระทั่งนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาล ซึ่งจะต้องแยกดำเนินคดีเป็นราย ๆ ไป

และจะออกหมายจับลูกน้องของกำนันนก ซึ่งเป็นพลเรือนเพิ่มเติมอีก 5 คน เนื่องจากมีหลักฐานชี้ชัดว่าร่วมกันกระทำความผิด ในข้อหาร่วมกันทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้นฯ และช่วยเหลือผู้อื่นมิให้ได้ต้องรับโทษ หรือรับโทษน้อยลง ตามกฎหมายอาญา มาตรา 184 ประกอบมาตรา 83

สำหรับการออกหมายจับตำรวจที่เหลืออีกล็อต อยู่ระหว่างพิจารณาว่ามีบุคคลใดเข้าไปเกี่ยวข้องอีกบ้าง โดยจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ เชื่อว่ายังมีตำรวจที่ให้การช่วยเหลือกลุ่มผู้ต้องหาให้หลบหนี และแนะนำให้ทำลายหลักฐานอีก คาดว่าในสัปดาห์นี้จะเริ่มออกหมายจับในชุดต่อไป แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ามีอีกกี่นาย

พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ชุดทำงานเร่งรัดตรวจสอบถึงกรณีการเงิน และการฮั้วประมูลงานของบริษัท นายประวีณ จันทร์คล้าย ว่าที่ผ่านมามีการฮั้วประมูลงานเกิดขึ้นหรือไม่ หากปรากฏว่ามีการฮั้วประมูลงานจริง ก็จะเข้าสู้มาตรการยึดทรัพย์ พร้อมทั้งสั่งการให้ตรวจสอบถึงกรณีเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ด้วย โดยเฉพาะภาพที่ปรากฏในสื่อมวลชนในอดีตที่ผ่านมา ถึงการบังคับให้ผู้เข้าร่วมงาน โดยเฉพาะตำรวจ ถอดเสื้อ ปลดอาวุธเข้าร่วมงาน ซึ่งหากเป็นเรื่องจริง ถือว่าเป็นการเสียศักดิ์ศรีอย่างมากที่ตำรวจไทยต้องมาทำตามคำสั่งคนระดับกำนันนก

ทั้งนี้ ข้อมูลการสอบสวนผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ พบว่ายังมีตำรวจที่เข้ามาเกี่ยวข้องอีก 1 นาย ยอมเปิดเผยข้อมูลว่า ขณะกำนันนกตบโต๊ะไม่พอใจ เพราะถูกปฏิเสธเรื่องโยกย้าย ก่อนลุกจากโต๊ะไป โดยตำรวจทางหลวงที่เสียชีวิต และตำรวจอีกนายเป็นหลานชายกำนันนก ก็เดินตามไปขอโทษ แต่กำนันนกกลับพูดจาข่มขู่ว่า "ระวังเลือดเลอะหัว แม้แต่ตำรวจระดับนายพลก็ไม่กลัว" จากนั้นเพียงเสี้ยวนาที ก็มีเสียงปืนดังขึ้น

และที่คุณผู้ชมเห็นอยู่นี้ เป็นคลิปจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าห้องฉุกเฉินโรงพยาบาลนครปฐม และด้านในโรงพยาบาล ที่บันทึกภาพไว้เมื่อคืนเกิดเหตุ 6 กันยายน บันทึกภาพขณะตำรวจ 4 นาย ช่วยกันนำร่างของพันตำรวจตรี ศิวกร และพันตำรวจโท วศิน พันปี ที่ถูกยิงบาดเจ็บมาส่งที่โรงพยาบาลนครปฐม ในเวลาประมาณ 21.00 น. จากนั้นกล้องวงจรปิดเผยให้เห็นว่ารถยนต์ขับมาด้วยความเร็ว จังหวะที่รถจอดยังไม่ทันจอดสนิท ตำรวจที่นั่งมาด้วยด้านหลัง รีบเปิดประตูลงจากรถ แล้วเรียกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล จากนั้นก็มาเปิดประตูด้านหน้าฝั่งคนนั่ง และเมื่อรถจอดสนิทแล้ว ตำรวจที่เป็นคนขับรถ ก็รีบลงมาเพื่อช่วยเจ้าหน้าที่นำตำรวจทั้ง 2 นาย ขึ้นเปล นำเข้าห้องฉุกเฉินทันที

สำหรับกรณีฮาร์ดดิสก์ที่งมขึ้นมาจากคลองใกล้วัดตาก้อง พื้นที่อำเภอเมืองนครปฐม ตอนนี้ถูกส่งไปถึงมือเจ้าหน้าที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจแล้ว โดยในวันนี้ (11 ก.ย.) จะมีเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญพิเศษมาทำการเปิดถุงบรรจุ เพื่อเข้าสู่กระบวนการในการพิสูจน์ลายนิ้วมือ ก่อนถอดชิ้นส่วนภายใน เพื่อดูดข้อมูลส่วนที่เป็นภาพขณะเกิดเหตุ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark