ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ผลชันสูตรศพ 'ผกก.เบิ้ม' ยืนยันไม่มีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง ขออย่าโยงกลบข่าว 'สารวัตรแบงค์'

ข่าวอาชญากรรม 13 กันยายน 2566 - สนามข่าว 7 สี - คดีใหญ่เขย่าวงการตำรวจไทย ยิ่งสาวยิ่งเจอผู้เข้าไปมีส่วนพัวพันในคดียิงตำรวจทางหลวงเสียชีวิตและบาดเจ็บ ในงานเลี้ยงเลือดที่จังหวัดนครปฐม ขณะนี้เพิ่มขึ้นเป็น 55 คนแล้ว แต่จะแจ้งข้อหาเอาผิดใครเพิ่มเติมขณะนี้รอเพียงภาพถ่ายจากกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ระหว่างการกู้ไฟล์ และดูเหมือนคดีนี้จะลุกลามบานปลายทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องหลายคนเครียดอย่างหนัก เลือกจบชีวิตลาจากปัญหา

เห็นได้จากกรณี พันตำรวจเอก วชิรา ยาวไทยสงค์ ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจทางหลวง หลังใช้ปืนยิงปลิดชีพตัวเองภายในบ้านพักย่านคูคต จังหวัดปทุมธานี ไม่วายเกิดประเด็นให้เคลือบแคลงสงสัยตามมาว่า เป็นฆ่าตัวตาย หรือ ฆ่าตัดตอนกันแน่ โดยเกิดหลายข้อสงสัยทั้งเรื่องที่ว่าทำไมผู้เสียชีวิตต้องปีนเข้าบ้าน ซึ่งต่อมามีคำอธิบายว่า ไม่ใช่บ้านที่พักอาศัยอยู่ประจำ และเจ้าตัวลืมกุญแจบ้านติดตัวมาด้วย

และประเด็นรอยเลือดกระจายรอบศพ ซึ่งต่อมามีคำอธิบายในภายหลังว่า เป็นการทำงานของโรบอต ก็ตั้งเวลาให้มันทำงานเอง รวมทั้งการพบสัญญาณโทรศัทพ์มือถือของผู้เสียชีวิตที่อื่นและประเด็นสุดท้ายคือในวันเกิดเหตุมีการสอบถามเพื่อนบ้านไม่มีใครได้ยินเสียงปืน

จากข้อสงสัยทั้งหมดเมื่อวานนี้มีการเผยแพร่ภาพกล้องวจรปิดที่ได้มาจากมุมเพื่อนบ้านรายหนึ่ง บันทึกภาพไว้ได้ช่วงเวลา 4.51 นาที ของวันที่ 11 กันยายน ที่ผ่านมา เห็นรถแท็กซี่ สีชมพู ขับมาภายในหมู่บ้านแล้วจอดรถส่ง พันตำรวจเอก วชิรา โดยเดินลงรถมาเพียงคนเดียวก็ปีนรั้วเข้าบ้านตัวเองไปแล้วราว ๆ 3-4 นาที ก็มีเสียงคล้ายเสียงปืนดังขึ้น 1 นัด ก่อนพบกลายเป็นศพ

ขณะที่ผลการชันสูตรพลิกศพพบรอยกระสุนเข้าที่ศีรษะ บริเวณขมับด้านขวา 1 รู พบอาวุธปืนตกอยู่ขนาด 9 มิลลิเมตร พร้อมแม็กกาซีนบรรจุในรังเพลิง ตกอยู่ด้านขวา เจ้าหน้าที่ยังพบหัวกระสุนในเครื่องโรบอตทำความสะอาด สันนิษฐานเวลาเสียชีวิตอยู่ระหว่าง 8-12 ชั่วโมง ส่วนร่องรอยคราบเลือดที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ที่มีหลายฝ่ายสงสัยว่าอาจจะมีการเคลื่อนศพ เจ้าหน้าที่ได้พิสูจน์แล้วพบว่า ร่องรอยดังกล่าวเกิดจากโรบอตดูดฝุ่น ซึ่งเครื่องหมุนทำงานโดยอัตโนมัติ ทำให้เกิดรอยดังกล่าว โดยรายละเอียดทั้งหมดถูกบันทึกไว้ในสำนวนการชันสูตรพลิกศพเป็นที่เรียบร้อย

พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่า ตนได้คุยกับผู้กำกับเบิ้ม ตั้งแต่วันเกิดเหตุ เจ้าตัวบอกรู้สึกเสียใจที่ดูแลน้องไม่ได้ ทำให้น้องเสียชีวิต อยากจะบวชให้ "สารวัตรแบงค์" และช่วง 2 วันก่อนเกิดเหตุ ยังโทรศัพท์ไปหาคนรอบตัวหลายคน ตนจึงสั่งให้เพื่อนร่วมรุ่นไปช่วยดูแล ยืนยัน ผู้กำกับเบิ้ม มีโรคเครียด เป็นคนคิดมาก ไม่ใช่ตำรวจเลว ขอสังคมอย่าคิดไปเอง ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่ทอดทิ้ง โดยความช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นตามสิทธิข้าราชการตำรวจ ประมาณ 2 ล้านบาท และจากกองทุนดูแลครอบครัว จากกลุ่มเพื่อน และนักเรียนตำรวจ รุ่นที่ 55 อีกประมาณ 100,000 บาท เนื่องจาก ผู้กำกับเบิ้ม มีลูกอายุเพิ่ง 8 ขวบ โดยหลังจากพูดคุยกัน ครอบครัวมีกำลังใจที่ดี ภรรยายังคงเข้มแข็ง

ส่วนกระแสข่าวว่าเรื่องการเสียชีวิตของ ผู้กำกับเบิ้ม เป็นการกลบข่าว พันตำรวจตรี ศิวกร สายบัว หรือ สารวัตรแบงค์ ที่เสียชีวิตหรือไม่ พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ ยืนยันว่าไม่ใช่การกลบข่าว เพราะเป็นคนละเรื่องกัน เพราะทราบดีว่าผู้กำกับเบิ้มมีอาการเครียดหลายอย่าง มีความรู้สึกผิดที่ดูแลลูกน้องไม่ได้ ยืนยันว่าทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย และเมื่อหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ และตัวเซิร์ฟเวอร์ของกล้องวงจรปิดถูกเปิดเผยออกมา ก็จะเห็นเองและมองว่าการพูดความจริงเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด

เช่นเดียวกับที่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดใจถึงเรื่องนี้ โดยท่านบอกรู้ว่าผู้กำกับเบิ้ม เครียดมาก อาการไม่ค่อยดี จึงเรียกมาคุย พูดปลอบใจให้ผ่อนคลาย เห็นผู้กำกับเบิ้ม อาการไม่สู้ดี มีอาการเบลอ ถามตอบไม่ค่อยรู้เรื่อง ยังคิดในใจว่าเป็นคนพาน้องไปตาย ก็ได้ให้เพื่อนที่ใกล้ชิดและลูกน้อง พาเจ้าตัวไปกินข้าว ให้กินยานอนหลับ เข้าโรงแรมพักผ่อน และให้เพื่อนเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ เพื่อให้ได้พักผ่อนเต็มที่

ส่วนพิธีศพของ พันตำรวจเอก วชิรา เมื่อวานนี้ครอบครัวไปติดต่อรับศพมาประกอบพิธีทางศาสนาที่วัดตรีทศเทพวรวิหาร โดยมีเพื่อนข้าราชการตำรวจ และเพื่อนร่วมรุ่นของผู้กำกับเบิ้ม ไปร่วมพิธีด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้า ทั้งนี้ ครอบครัวผู้กำกับเบิ้ม แจ้งว่า วันนี้ (13 ก.ย.) จะเคลื่อนย้ายศพกลับไปประกอบพิธีที่บ้านเกิด จังหวัดอุตรดิตถ์ ตั้งสวด 3 คืนแล้วก็จะมีพิธีฌาปนกิจวันอาทิตย์ที่ 17 กันยายนนี้

ส่วนความคืบหน้าคดีการเสียชีวิตของ สารวัตรแบงค์ พบว่ามีบุคคลที่ไปร่วมงานเลี้ยงในคืนวันเกิดเหตุ 6 กันยายน ที่บ้านกำนันนก เพิ่มจากเดิมเป็น 55 คนแล้ว แบ่งเป็นตำรวจ 28 นาย และพลเรือน 27 คน ซึ่งเมื่อวานพนักงานสอบสวนตำรวจภูธรภาค 7 ได้เรียกอีกกว่า 10 คน มีทั้งตำรวจ และพลเรือน ซึ่งเป็นพยานบุคคลใหม่ และบางคนถูกเรียกมาสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับประเด็นสงสัยต่าง ๆ รวมทั้งนำตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้าน, นักดนตรี ไปจนถึงคนขับรถของนักการเมืองท้องถิ่น มาสอบปากคำเพิ่มเติมด้วย โดยเฉพาะประเด็นที่พบเส้นทางการโอนเงินจากแม่บ้านตู้ตำรวจทางหลวงไปยังเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นอีกบัญชีที่ไม่เกี่ยวข้องกับที่หน่องและกำนันโอนให้กับเจ้าหน้าที่

ส่วนหลักฐานเรื่องลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอนั้นสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ระหว่างการรวบรวมส่งไปเทียบเคียงกับรอยนิ้วมือ ที่ตรวจเก็บได้จากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงเลือด

นอกจากนี้การกู้เซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดในบ้านกำนันนก เจ้าหน้าที่ยังกู้ไฟล์ไม่ได้ ซึ่งเมื่อวานนี้ได้มีการทดลองนำเซิร์ฟเวอร์รุ่นเดียวกันมาทำการทดลองเปรียบเทียบ แต่ยังไม่สำเร็จ คาดว่าเจ้าหน้าที่จะกู้ไฟล์ภาพได้ในวันพฤหัสบดีนี้ มีรายงานว่า อย่างเร็วในวันนี้อาจจะนำข้อมูลบางส่วนที่กู้ไฟล์ออกมาเปิดเผย ซึ่งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จะตอบทุกอย่าง และแจ้งข้อกล่าวหากับบุคคลที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมได้ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือพลเรือน

ขณะที่หลักฐานเรื่องลายนิ้วมือ และดีเอ็นเอนั้นสามารถเก็บข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ อยู่ระหว่างการรวบรวมส่งไปเทียบเคียงกับรอยนิ้วมือที่ตรวจเก็บได้จากผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์งานเลี้ยงเลือด มีรายงานด้วยว่าผลจากการสืบสวนพบเบาะแสสำคัญที่อาจเกี่ยวข้องกับเอกสารและวัตถุพยาน ที่สัมพันธ์กับรูปคดี

ส่วนความกังวลที่หลายฝ่ายห่วงว่า นายประวีณ จันทร์คล้าย หรือ กำนันนก ผู้ต้องหาอาจจะทนความเครียดไม่ไหว ล่าสุด พลตำรวจเอก สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้โทรศัพท์หารือกับรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์แล้ว ได้รับการยืนยันว่าได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่คอยดูแลกำนันนก แต่ไม่ได้ให้สิทธิพิเศษเหนือคนอื่น และยอมรับด้วยว่า ยังมีความพยายามของหลายฝ่ายที่จะขอประกันตัวกำนันนก ออกจากเรือนจำ ซึ่งตำรวจยืนยันมาตลอดว่าจะไม่มีการให้ประกันตัวอย่างเด็ดขาด

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark