ครม.เศรษฐา เคาะลดดีเซล-เบนซิน มีผล 20 ก.ย. ถึงสิ้นปี

เช้านี้ที่หมอชิต - นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดแรก ซึ่งเป็นการประชุมเต็มคณะโดยก่อนเริ่มการประชุม นายเศรษฐา ได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ช่วยเป็นกำลังใจ และตอบคำถามฝ่ายค้าน ระหว่างการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ระหว่างวันที่ 11-12 กันยายนที่ผ่านมา

จากนั้น นายเศรษฐา แถลงถึงมติคณะรัฐมนตรีและข้อสั่งการนายกรัฐมนตรี เช่น มติจัดตั้งคณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีเฉลิมพระเกียรติครบ 6 รอบ 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในปีหน้า เพื่อให้ "สมพระเกียรติ" และประชาชนได้มีส่วนร่วม

ส่วนมติที่รับปากว่าเข้าแน่วันนี้ก็มาตามนัด ได้แก่มติปรับลดค่าไฟฟ้า เป็น 4.10 บาท ต่อกิโลวัตต์-ต่อชั่วโมง จากเดิมที่จัดเก็บในอัตรา 4.45 บาท โดยเริ่มตั้งแต่รอบบิลเดือน ก.ย.นี้เป็นต้นไป ลดราคาน้ำมันดีเซล ให้ต่ำกว่า 30 บาทต่อลิตร เริ่มต้นวันที่ 20 กันยายน ส่วนกลุ่มเบนซิน ยังอยู่ในการพูดคุย แต่จะทยอยมีมาตรการออกมา การพักหนี้เกษตรกร และกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก เป็นเวลา 3 ปี

นอกจากนี้ ยังได้เห็นชอบวีซ่าฟรีชั่วคราว สำหรับผู้ที่เดินทางจากจีน และคาซัคสถาน ซึ่งจะเดินทางเข้าประเทศไทย เริ่มตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2566 ถึง 29 กุมภาพันธ์ 2567 โดยนายเศรษฐา ระบุว่า เป็นการยกเว้นชั่วคราว เพื่อดูผลกระทบก่อน พร้อมยืนยันว่า มาตรการผ่านการพูดคุยฝ่ายความมั่นคง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยแล้ว

ส่วนมติอื่น ๆ เช่น การแก้ไขปัญหาความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ ที่ประชุมเห็นชอบให้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหลังจากนี้ นายภูมิธรรม จะแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ โดยยึดแนวทางศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ 

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบการแต่งตั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์เพาเวอร์แห่งชาติ เพื่อขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์เพาเวอร์ ตั้งเป้ารายได้ 20,000 บาทต่อเดือน มีอัตรา 20,000,000 ตำแหน่ง ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะนั่งเป็นประธานเอง มีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธาน

ขณะที่นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบให้พิจารณางบประมาณ สำหรับอุดหนุนเด็กแรกเกิด 0-6 ปี เดือนละ 600 บาท เดือนกันยายน 2566 วงเงินรวม 990 ล้านบาท หลังจากนี้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จะนำส่งมติเร่งด่วน ไปยังกระทรวง

โดยเชื่อว่า วันนี้ (14 ก.ย.) เงินทั้งหมดจะไปอยู่ในถังของกรมบัญชีกลาง เพื่อกระจายเข้าสู่บัญชีของประชาชนแต่ละครอบครัว จำนวน 2,254,000 กว่าราย ในวันที่ 18 กันยายนนี้ได้อย่างแน่นอน