ข่าวในหมวด เช้านี้ที่หมอชิต

เศรษฐา ลุยเชียงใหม่ ย้ำ ค่าแรง-เงินเดือน ป.ตรี 25,000 บาท ชัดเจนใน 4 ปี

เช้านี้ที่หมอชิต - ทำงานไม่มีพักจริง ๆ สำหรับ นายกรัฐมนตรีเศรษฐา เมื่อวานเช้ายังตรวจราชการอยู่ที่เชียงใหม่ ตกบ่ายรีบบินกลับมาเป็นประธานการทำลายยาเสพติดของกลางล็อตใหญ่ ไม่ว่าจะเป็น ยาบ้า ยาไอซ์ เฮโรอีน ฝิ่น และอื่น ๆ ไปติดตามภารกิจนายกรัฐมนตรี เมื่อวานนี้พร้อม ๆ กัน

นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ยกคณะไปตรวจราชการเชียงรายและเชียงใหม่ โดยเมื่อวานนี้ก่อนกลับกรุงเทพ ในช่วงเช้า นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปสักการะอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นสิริมงคล บรรยากาศที่อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย มีประชาชนและหน่วยงานราชการมารอให้การต้อนรับเนืองแน่น

จากนั้นได้เดินทางไปพบปะประชาชน ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเพิ่มเที่ยวบินสนามบินเชียงใหม่ ที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพรรคร่วม 11 พรรค ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวเป็นเรื่องหลักในระยะสั้นที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนอกจากกรุงเทพและภูเก็ต เชียงใหม่ ถือเป็นจังหวัดที่มีความสำคัญสูงสุดจังหวัดหนึ่ง อย่างไรก็ตาม แม้การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ แต่หากมีผลกระทบอะไรก็อยากให้คุยกัน รัฐบาลจะขอน้อมรับเอาไปปฏิบัติช่วยเหลือเยียวยาเท่าที่จะสามารถทำได้

จากนั้นจึงเปิดให้มีการสะท้อนปัญหาจากประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่บอกว่าไม่เห็นด้วย หากจะมีการเพิ่มเที่ยวบิน เพราะเสียงของเครื่องบินจะกระทบต่อการใช้ชีวิต รวมถึงผู้ป่วยติดเตียงที่นอนรักษาตัวอยู่ในบ้าน หากรัฐบาลจะเพิ่มเที่ยวบินจริง อยากให้มีมาตรการออกมาเยียวยาให้กับประชาชนก่อน ไม่ใช่มีความเดือดร้อนแล้วค่อยมีมาตรการตามมาทีหลัง โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการรับฟังความคิดเห็นมีเครื่องบินลำหนึ่งบินผ่านส่งเสียงดังสนั่น จนต้องหยุดรอให้เครื่องบินผ่านไปก่อนจึงจะสนทนาต่อได้ เรียกได้ว่าเป็นการสะท้อนปัญหาที่มาชัด ๆ ทั้งภาพและเสียงเลยทีเดียว

นอกจากนี้ นายเศรษฐา ยังได้ตอบคำถามเกี่ยวกับเรื่องนโยบายค่าแรง โดยยืนยันว่า เป็นนโยบายชัดเจน ภายใน 4 ปี ค่าแรงขั้นต่ำกับเงินเดือนปริญญาตรี จะต้องเป็น 25,000 บาท

นายกฯ ทำลายยาบ้า 1.2 หมื่น กก.
ตกบ่าย นายกเศรษฐา ถึงกรุงเทพ เดินทางไปร่วมเป็นประธานในพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลาง จากคดียาเสพติดจำนวน 100 คดี เป็น ยาบ้า 12,522 กิโลกรัม ไอซ์ 11,656 กิโลกรัม เฮโรอีน 418 กิโลกรัม ฝิ่น 179 กิโลกรัม คีตามีน 704 กิโลกรัม และสารเสพติดอื่น ๆ น้ำหนักรวม 25,517 กิโลกรัม ใช้วิธีทำลายโดยการเผาไหม้ด้วยระบบเตาเผาอุณหภูมิสูง พร้อมระบบควบคุมมลพิษอากาศที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถทำลายได้หมดสิ้น ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และประชาชน

จากนั้นเดินทางไปเป็นประธานต่อในการประชุมขับเคลื่อนการป้องกัน ปราบปราม และแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกันหลายกระทรวง ไม่ว่ากระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม และกระทรวงสาธารณสุข โดยได้เน้นย้ำนโยบายรัฐบาลให้หน่วยงานราชการบูรณาการ และเป็นเสาหลักในการแก้ไขปัญหายาเสพติด ร่วมกับการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยยึดหลักการ เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย ต้องดำเนินการอย่างจริงจังและเป็นระบบ ในขณะที่ผู้ค้าต้องปราบปรามอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ผู้ค้า 

หลังการประชุม นายกฯ ได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ต่อ ช่วงหนึ่งสื่อพยายามถามเกี่ยวกับประเด็นการเมือง แต่ท่านนายกฯปฏิเสธที่จะตอบ บอกว่า วันนี้ ควรจะถามเรื่องยาเสพติดมากกว่า ซึ่งในการตอบดูเหมือนท่านจะมีอารมณ์ไม่พอใจนิด ๆ เหมือนกัน

จาตุรนต์ สะกิดแก้ รธน.เป็นประชาธิปไตย ก่อน เพื่อไทย หมดหน้าตักจริง
เรื่องนี้ท่านนายกฯ ไม่พร้อมตอบ แต่คนนี้พร้อมตอบแน่นอน นายจาตุรนต์ ฉายแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ออกมากล่าวถึง ประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญผ่าน เฟซบุ๊ก Chaturon Chaisang ในหัวข้อ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญสามารถเสนอได้ทั้งโดยคณะรัฐมนตรี สส. และประชาชน" ความโดยสรุปดังนี้
การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยเป็นเรื่องสำคัญที่พรรคเพื่อไทยตั้งแต่ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย ถือเป็นนโยบายหลักมาตลอด เราคัดค้านร่างรัฐธรรมนูญที่ยกร่างโดยคณะรัฐประหารในการลงประชามติทั้งสองครั้ง และเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ไม่ว่าขณะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เราจึงต้องรักษาจุดยืนนี้ไว้

ที่มีการใช้คำพูดกันว่า พรรคเพื่อไทย ยอมเทหมดหน้าตักในการจัดตั้งรัฐบาลนั้น ความจริงแล้วก็ยังไม่หมดหน้าตักเสียทีเดียว คือ พรรคยังมีนโยบายแก้รัฐธรรมนูญและกฎหมายต่าง ๆ ที่จะทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยและกลับคืนสู่การยึดหลักนิติธรรม ถ้าเราไม่ทำเรื่องนี้อย่างจริงจังนั่นแหละจะหมดหน้าตักจริง ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำให้เกิดขึ้นให้ได้ตามที่ประกาศไว้กับประชาชน

สาเหตุที่ทำให้กระแสการแก้รัฐธรรมนูญมาถูกพูดถึงค่อนข้างมากในช่วงนี้ รวมถึงการออกมาสะกิดเพื่อน สส.ในพรรค ของนายจาตุรนต์ ให้ยึดแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญตามที่หาเสียงไว้ เนื่องจากเริ่มมีความกังขาถึงความจริงใจของพรรคเพื่อไทยในการแก้รัฐธรรมนูญ โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือ สสร.

โดยเฉพาะท่าทีในระยะหลัง เช่น คำตอบของนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว อดีตหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่วงเสวนาวิชาการหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ท่านพูดว่า "ผมไม่เคยพูดนะ เดี๋ยวหาว่าผมโกหกอีก ไม่เคยมีใครสัญญาว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะยุบสภา"

ซึ่งก็ทำให้ถูกขุดทันที เพราะแค่ย้อนกลับวันที่ 2 สิงหาคม หรือวันที่พรรคเพื่อไทย แถลงฉีก MOU 8 พรรคด้วย แถลงการณ์ เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ โดยใจความสำคัญในแถลงการณ์สัญญาว่า "เริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิด
กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่" ซึ่งบุคคลที่อ่านแถลงการณ์นี้ ก็คือ นายแพทย์ชลน่าน เมื่อครั้งที่ยังเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ขณะที่ การประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ก็ไม่ได้บรรจุวาระเห็นชอบให้มีการทำประชามติแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้มี สสร.มาร่างรัฐธรรมนูญ แม้ก่อนหน้านั้นภาคประชาชนได้นำรายชื่อกว่า 200,000 รายชื่อมายื่นต่อพรรคเพื่อไทยเพื่อให้บรรจุวาระนี้เป็นวาระแรกตามสัญญา แต่คณะรัฐมนตรีกลับเพียงมอบให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นผู้รับผิดชอบแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ยึดตามแนวทางของศาลรัฐธรรมนูญเป็นสำคัญ เท่านั้น โดยรายละเอียดระบุเพียงว่าจะใช้เวทีรัฐสภาในการหารือรูปแบบแนวทางในการแก้ไขรัฐธรรมนูญและการทำประชามติเพื่อให้ประชาชนทุกภาคส่วนร่วมออกแบบกฎกติกาที่เป็นประชาธิปไตยร่วมกัน จึงไม่น่าแปลกใจว่า ด้วยท่าทีของพรรคเพื่อไทยที่ไม่หนักแน่นชัดเจนในเรื่องนี้เหมือนในช่วงหาเสียง จะทำให้ นายจาตุรนต์ ออกมาโพสต์เตือนพรรคพวกกันเองดัง ๆ ก่อนพรรคเพื่อไทยจะหมดหน้าตักไปจริงๆ

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark