ข่าวในหมวด ข่าวออนไลน์ News

จับสดนายกเล็กบางแก้ว เรียกรับสินบน 1.5 ล้าน แลกลงนามโครงการท้องถิ่น


จับสดนายกเล็กบางแก้ว เรียกรับสินบน 1.5 ล้าน แลกลงนามโครงการท้องถิ่น วอนกระทรวงมหาดไทย จัดการอย่างจริงจัง

วันนี้ (21 ก.ย.2566) นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ร่วมกับ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.รรท.ผบก.ทล. และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง แถลงผลการจับกุมนายณัฐพงศ์ แตงสุวรรณ อายุ 53 ปี นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว จ.สมุทรปราการ หลังมีพฤติกรรมเรียกรับสินบนเป็นเงินนับล้านบาท โดยสามารถจับกุมได้ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ในตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ
      
สืบเนื่องจากตำรวจ บก.ปปป. ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่  อ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของ เทศบาลเมืองบางแก้ว  มีพฤติกรรมเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ  จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา แลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติ ในโครงการจัดซื้อจอ LCD ซึ่งต่อมาบริษัทของผู้เสียหาย ได้เข้ายื่นเสนอราคาแข่งขันในระบบ e-bidding และมีการแจ้งผลการแข่งขันราคา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และเป็นผู้ชนะการเสนอราคาดังกล่าว

แต่ปรากฏว่าถูกผู้บริหารของเทศบาลเมืองบางแก้ว เรียกเข้าไปคุยเจรจา พร้อมขอเงินค่าหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม จำนวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญาที่ได้มีการหักค่าภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว (หรือประมาณ 12,485,046 บาท) โดยให้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเงินจำนวน 1,560,630 บาท ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อผู้เสียหาย จึงได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ปปป.

จากการสืบสวน มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอเชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว มีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินตามที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์จริง และเห็นว่าผู้กระทำผิดเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหาร ของเทศบาลเมืองบางแก้ว ซึ่งได้ใช้ตำแหน่งอำนาจหน้าที่ในทางมิชอบและโดยทุจริตเรียกรับสินบนจากผู้เสียหายดังกล่าว ประกอบกับมีข้อมูลว่าเคยมีพฤติกรรมเรียกรับเงินในลักษณะเดียวกันกับผู้ประกอบการอื่นมาแล้วหลายราย ตำรวจ บก.ปปป. ประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ของ ปปช. ปปท. เพื่อใช้วิธีวางแผนเข้าจับกุมในขณะที่ทำการส่งมอบเงินกัน โดยได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนำเงินสดจำนวน 1,560,630 บาทมาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในการส่งมอบให้ นายณัฐพงศ์ ตามที่มีการเจรจากันก่อนหน้านี้

เมื่อถึงเวลานัดหมาย ตำรวจ บก.ปปป. ได้นัดให้ผู้เสียหาย นำเงินสด 1,560,650 บาท ที่ลง ปจว.เป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับ นายณัฐพงศ์ โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปป. และปปช.  ปปท.ได้วางกำลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ ก่อนที่จะมีการส่งมอบเงินตามที่มีการเจรจากัน ไว้ จากนั้นขณะที่ นายณัฐพงศ์ กำลังเดินออกมาจากศูนย์การค้าดังกล่าว ตำรวจจึงเข้าแสดงตัว เพื่อเข้าจับกุม ทันใดนั้น นายณัฐพงศ์ รีบวิ่งไปบริเวณรถของตัวเอง ก่อนจะรีบโยนถุงสีดำ ซึ่งภายในบรรจุเงินของกลาง เข้าไปบริเวณใต้ท้องรถ เจ้าหน้าที่จึงรีบควบคุมตัว นายณัฐพงศ์ ไว้ทันที

จากการตรวจสอบภายในถุงสีดำ ดังกล่าว พบเงินสด 1,560,650 บาท มีหมายเลขบนธนบัตรตรงกับหมายเลขธนบัตรที่ ลง ปจว.ไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้นายณัฐพงศ์ พร้อมแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้นนำตัวผู้ต้องไปตรวจค้นที่ห้องทำงาน และสถานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขยายผลและรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อดำเนินคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบฯ และมาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ

นายนิวัติไชย กล่าวอีกว่า ไม่ใช่แค่การจับกุมในจุดดังกล่าวเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่คาดว่ายังมีเงินและทรัพย์สินอื่น ๆ ซุกซ่อนอยู่อีก เพราะนายณัฐพงศ์มีภรรยาหลายคน บ้านหลายหลัง จึงขอหมายศาลเข้าตรวจค้น 4 แห่ง พบเอกสารและเงินสดบางส่วน ยืนยันไม่ใช่การกลั่นแกล้งแต่อย่างใด ซึ่งนายณัฐพงศ์ยังไม่เคยถูกดำเนินคดีในลักษณะนี้ แต่มีเรื่องถูกร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.หลายเรื่อง เช่น เรื่องโครงการขุดลอกท่อระบายน้ำ ซึ่งยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ 

ด้าน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ขอวิงวอนไปยังเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดำเนินการ เพราะพฤติกรรมโดยรวมของนานยณัฐพงศ์ เชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะเรียกรับผลประโยชน์ และการสืบสวนยังมีอีกหลายเรื่องที่เกี่ยวกับเรียกรับผลประโยชน์จากธุรกิจหลายเรื่องเช่นบ่อดินในพื้นที่บางแก้ว จึงวิงวอนไปถึงรัฐบาลว่าการปราบปรามทุจริต หากจับแล้วกลับไปทำงานต่อ คงไม่มีผลอะไร แต่ตำรวจโดนจับไม่ถึง 1 วัน ก็ออกจากราชการแล้ว แต่นักการเมืองท้องถิ่นจับแล้วยังทำงานต่อได้ หลายคดีที่เคยทำมาลักษณะการจับกุมคล้ายคลึงกัน จึงขอวิงวอนไปยังกระทรวงมหาดไทย คดีที่จับส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่น และเจ้าหน้าที่รัฐหลายหน่วย จับเสร็จก็กลับไปทำงาน และเรียกรับผลประโยชน์เหมือนเดิม หากสามารถจัดการอิทธิพลเหล่านี้ได้ ประชาชนจะได้รับผลดีไม่โดนเอาเปรียบ เคสนี้ e-bidding มาราคาต่ำสุดยังไปเรียกรับผลประโยชน์ ฉะนั้นข้าราชการเหล่านี้ควรออกจากราชการไว้ก่อน มั้งจาก อบต. เทศบาล อบจ. พร้อมกับประกาศว่าผู้มีอิทธิพลทั้งหลายแบบคดีกำนันนกที่แสดงให้เห็นถึงการฮั้วประมูล หากโดนคดีอาญาแล้ว ยังเจอ 4 ป.อีก โดนสึนามิลูกแรกแล้ว จะเจออาฟเตอร์ช็อกอีก

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark