ข่าวในหมวด ข่าว 7 สี

ตามความคืบหน้าคดีช็อกสังคม พ่อฆ่าลูกแท้ ๆ 5 คน

ห้องข่าวภาคเที่ยง - ยังเป็นข่าวใหญ่ที่ต้องขยี้กันต่อ กับกรณีพ่อฆ่าลูกในไส้ แบบเป็นการฆาตกรรมต่อเนื่องยาวนานหลายปี แม้สังคมจะคาดเดากันอยู่แล้วว่า 2 ศพทารก ที่พบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว น่าจะเป็นลูก ๆ ที่ถูกพ่อแท้ ๆ คือ นายเอ็ม ฆ่า แต่ล่าสุดเมื่อผลตรวจ DNA ออกมาว่าใช่ ก็ทำเอาเศร้ายิ่งกว่าเศร้านะ

ตามความคืบหน้าคดีช็อกสังคม พ่อฆ่าลูกแท้ ๆ 5 คน
เส้นเรื่องของคดีนี้ ไล่ตั้งแต่พ่อแม่ทารุณกรรมลูก จนนำไปสู่การให้ข้อมูลของเด็ก 12 ขวบ ว่า พ่อฆ่าน้องต่างแม่ ตำรวจไล่ตามไปพบมีการโบกปูนอำพรางศพ อีกทั้งศพนี้ไม่ใช่ศพแรก แต่น่าจะเป็นศพสุดท้าย เนื่องจากเหตุฆาตกรรมต่อเนื่องลูกในไส้ตัวเองของนายส่องศักดิ์ โผล่เพิ่มมาอีก 4 ศพ รวมเด็กที่ตกเหยื่อจากเงื้อมมือพ่อแท้ ๆ มีมากถึง 5 ศพ จนเป็นเหตุให้มีการย้อนศพเด็กทารกถูกทิ้งเมื่อปี 2556 และ 2557

ซึ่งผลตรวจ DNA ล่าสุดออกมาแล้ว พบว่า ตรงกับนายส่องศักดิ์ และนางสาวเจษฎา ภรรยาที่เป็นแม่ของลูก 4 คนที่ถูกฆ่า

ศพทารกทั้ง 2 ศพ ศพแรก คือ เด็กชายอายุ 10 เดือน พบเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2556 บริเวณริมถนนกำแพงเพชร 3 ด้านข้างลำคลองฝั่งสวนรถไฟ ถูกใส่ไว้ในกระเป๋าสีดำ

สำหรับผลการชันสูตรพลิกศพศพแรกนั้น พบว่า ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือน แต่ไม่ได้เป็นสาเหตุให้ที่ทำให้ถึงแก่ความตาย สาเหตุที่ทำให้ถึงแก่ความตาย คือ ระบบหายใจไหลเวียนโลหิตล้มเหลว นอกจากนี้ยังพบว่า ศพเด็กมีบาดแผลช้ำบริเวณริมฝีปากล่าง, สมองบวมน้ำ, หัวใจคั่งเลือด, ปอดบวมน้ำเล็กน้อย และตับคั่งเลือด

ศพที่ 2 คือ เด็กชายอายุประมาณ 2 เดือน พบเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2557 บริเวณด้านหน้าโครงการจตุจักรกรีน ถนนกำแพงเพชร 3 ซึ่งปัจจุบันเป็นบริเวณปากทางเข้าสวนจากภูผาสู่มหานที อยู่ห่างจากจุดทิ้งศพปี 2556 ประมาณ 1 กิโลเมตร สำหรับผลการชันสูตรศพที่ 2 อยู่ในระหว่างการติดตามนำผลสำนวนจากร้อยเวรในคดี ซึ่งร้อยเวรเจ้าของคดีในปัจจุบัน ได้ย้ายไปรับราชการที่จังหวัดอ่างทอง แต่เบื้องต้นน่าจะมีร่องรอยของการถูกทำร้าย

ทั้ง 2 คดี ร้อยเวรพนักงานสอบสวนได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐาน บันทึกภาพที่เกิดเหตุ และนำผลชันสูตรทั้ง 2 ศพ จากนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ รวมทั้งพิสูจน์หลักฐานได้เก็บ DNA ที่ตัวศพของเด็ก และลายนิ้วมือแฝงที่ปรากฏบนศพเด็ก รวบรวมในสำนวนส่งพนักงานอัยการแล้ว

ผล DNA ทารก 2 ศพ ตรงกับ เอ็ม ผู้ต้องหาฆ่าลูกตัวเอง
โดยล่าสุด พลตำรวจตรี นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผู้บัญชากาตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับรายงานจากสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ว่า ผลการตรวจ DNA ของศพนิรนามของทารกที่ถูกนำไปทิ้งไว้หลังสวนรถไฟ ในเขตบางซื่อ เมื่อปี 2556 และ 2557 ปรากฏว่า ผล DNA ตรงกับ DNA ของนายส่องศักดิ์และนางสาวเจษฎา เท่ากับว่า เด็กทั้ง 2 ศพ เป็นลูกของสามีภรรยาคู่นี้   

จากนั้นจะทำเรื่องขอผลอย่างเป็นทางการในช่วงบ่าย จากสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมาประกอบในสำนวน แล้วเร่งออกหมายจับนางสาวเจษฎา ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ร่วมกันอำพรางศพ ส่วนนายส่องศักดิ์ก็จะถูกแจ้งข้อกล่าวหานี้เพิ่มเติม

ส่วน DNA โครงกระดูกที่พบย่านสายไหม ตอนนี้ผลการตรวจยังไม่ออกมา ซึ่งคาดว่า อีกประมาณ 1-2 วัน น่าจะทราบผล 

ผลสอบชัด เอ็ม พ่อโหด ไม่ได้ป่วยจิตเวช
หากไล่ดูคำรับสารภาพ จะพบว่า แม้นายส่องศักดิ์จะรับสารภาพว่ามีการทำร้ายลูก ๆ ของตัวเองจริง แต่ไม่เคยบอกเลยว่าตนลงมือฆ่า เบี่ยงเบนไปว่าทำร้ายจริง ต่อมาเด็กป่วย ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา ท่องแบบนี้เป็นคาถาคุ้มภัยตัวเอง หวังจะรอดพ้นจากข้อหาฆาตกรรม รวมถึงอ้างอาการป่วยจิตเวชด้วย แต่ปมนี้ไม่รอด ผลการทำแบบทดสอบ พบว่า ผู้ต้องหามีสติสัมปชัญญะ รู้สำนึกถูกผิด ไม่มีอาการของคนหลงผิด เชื่อได้ว่าขณะลงมือก่อเหตุยังมีสติดี รู้ตัวว่ากำลังทำอะไร

จนถึงตอนนี้เจอแล้ว 3 ศพ ศพแรก คือ น้องที่ถูกนำไปโบกปูนอำพรางคดี ศพที่ 2 เด็กชายอายุ 10 เดือน ที่พบในปี 2556 และศพที่ 3 เป็นร่างของเด็กชายอายุ 2 เดือน ที่พบในปี 2557

รอผลตรวจสอบ DNA โครงกระดูก คาดใช้เวลา 3-5 วัน
ที่กำลังตรวจสอบต่อ คือ โครงกระดูกที่คาดว่าเป็นชิ้นส่วนศพทารก รวม 40 ชิ้น แบ่งออกเป็น 3 กอง กองที่ 1 เป็นกระดูกขนาดใหญ่ลักษณะแบน 2 ชิ้น สันนิษฐานว่าเป็นส่วนกะโหลก กองที่ 2 มี 4 ชิ้น สันนิษฐานว่าเป็นท่อนแขน หรือขา และกองที่ 3 มีมากกว่า 30 ชิ้น เป็นกระดูกชิ้นเล็ก ส่วนนี้ยังต้องรอผลตรวจพิสูจน์ DNA เปรียบเทียบ DNA ของพ่อและแม่ คาดว่าทราบผลประมาณ 3-5 วัน

ซึ่งหลักฐาน DNA สำคัญ ที่จะเอาผิดผู้ต้องหาและภรรยา และต้องบอกว่า แม้เวลาจะผ่านไปหลายปี ด้วยเทคโนโลยีล่าสุด หากพบแค่ชิ้นส่วนกระดูกชิ้นเล็ก ๆ แต่ต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่ถูกเผาไหม้ ก็สามารถนำไปสกัด DNA ได้

สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ พฤติกรรมทำร้ายร่างกาย ว่า จะตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ชีวิตได้หรือไม่นั้น ต้องใช้พยานหลักฐานอื่นมาประกอบ เช่น ประจักษ์พยาน แต่จากคำสารภาพที่ยอมรับว่ามีการตีท้องเด็กอย่างรุนแรงในบางเคส รวมไปถึงหลักฐานการตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์จากศพเด็กที่จังหวัดกำแพงเพชร คือ หลักฐานสำคัญที่จะเอาผิดผู้ต้องหาได้ โดยโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิต 

แพทย์ชี้ พ่อโหด มีสติสัมปชัญญะดี อ้างป่วยฟังไม่ขึ้น
หลักฐานที่ตรวจพบในห้องพักอะพาร์ตเมนต์ซอยพหลโยธิน 48 เป็นซีนอารมณ์ผ่านจดหมาย 2 ฉบับ ที่ตำรวจสันนิษฐานว่าเขียนโดย เจษฎา ภรรยาที่มีลูกกับผู้ต้องหา 5 คน

ฉบับแรกเนื้อหาเป็นเชิงตัดพ้อเหตุการณ์ในชีวิตตัวเองว่า ไม่ได้อยากใช้ชีวิตอยู่กับ "เขา" ซึ่งน่าหมายถึงตัวผู้ต้องหา ทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คนเขียนเกือบตาย พร้อมกับตัดพ้อว่า "เขาไม่เคยรักไม่เคยสงสารเราเลยจริง ๆ"

อีกฉบับเป็นการสาบานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เนื้อหาระบุว่า คนเขียนได้ตัดสายโทรศัพท์ของผู้ต้องหา แล้วเกิดการทะเลาะโต้เถียงกันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นสาบานขอให้มีอันเป็นไป หรือได้รับความทรมานหากโกหก

เอ็ม ยอมรับลงมือฆ่าลูก 3 คน อีก 2 คน ป่วยเสียชีวิตเอง
จดหมายทั้ง 2 ฉบับ สะท้อนคำบอกเล่าผลการสอบปากคำ ผู้ต้องหา ภรรยาที่ชื่อ เจษฎา และภรรยาที่ชื่อ สุนัน ที่ตำรวจคุมตัวไปสอบสวนเข้ม จนผู้ต้องหาเปลี่ยนใจยอมรับสารภาพ ว่า ที่ผ่านมาได้ทำร้ายภรรยาและลูกสาวอายุ 12 ปี เป็นประจำ ด้วยการตี จับกดน้ำ ใช้มีดหรือไขควงลนไฟ จี้ตามร่างกาย สาเหตุจากความหึงหวงที่เมียไม่ยอมทำตามที่สั่ง ก่อนอ้างกับภรรยาว่า "ทนเสียงร้องเด็กไม่ได้" ตัดพ้อว่าตัวเองตกงาน มีประวัติป่วยอาการทางจิตเวช ไม่มีเงินซื้อนม ซื้ออาหารให้ลูก และยอมรับว่า ตนเองได้ลงมือฆ่าลูก 3 คน จริง ส่วนอีก 2 คน อ้างว่ามีอาการป่วยแล้วเสียชีวิต จึงให้เมียนำศพลูกใส่ถุงไปทิ้งที่ย่านสายไหม

พบมีภรรยาคนที่ 5 ตำรวจรุดขอข้อมูลพฤติกรรม เอ็ม 
ล่าสุดพบว่า ผู้ต้องหามีภรรยาท้ังหมด 5 คน มีเพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน จากเดิมที่เป็น 4 คน ตามข่าวก่อนหน้านี้ โดยภรรยาคนดังกล่าวเป็นภรรยาคนที่ 2 แต่ไม่ได้มีลูกด้วยกัน ซึ่งพนักงานสอบสวนจะไปสอบปากคำเพื่อสอบถามข้อมูลของผู้ต้องหาว่า เคยมีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงหรือไม่อย่างไร ด้วย

ดูเพิ่มเติมแสดงน้อยลง Bookmark